The Woman Who Disappeared
ผู้แต่ง: Philip Prowse
ผู้แปล: Kreangsak Thasit
อ่าน หรือ download ฉบับสองภาษา: ไทย , English (รูปแบบ pdf) ได้ที่
https://drive.google.com/file/d/0B48jqqkaDKCFV0VQT2hXMjVyU0k/view?usp=sharing&resourcekey=0-QdFfbdmc0zm4hRxlXZMKZw
(เนื่องจากGoogle Drive เปลี่ยนระบบใหม่ ทำให้ link เปลี่ยนไป ผู้เข้าชมไม่สามารถเปิดเอกสารที่ลงไว้โดยใช้ link เดิมได้ ผมจึงได้ลง link ใหม่นี้ไว้)
บทที่หนึ่ง
ผู้มาเยือน
ผมชื่อแซมมิวล์ เล็นนี่ แซมมิวล์ คุณเรียกผมว่าเล็นก็ได้
ผมเป็นนักสืบเชลยศักดิ์ นักสืบเชลยศักดิ์คือนักสืบเอกชน - นักสืบที่ทำงานให้แก่ผู้ใดก็ตามที่จ่ายเงินให้เขา ผมไม่ใช่ตำรวจ ผมทำงานส่วนตัวเป็นนักสืบเชลยศักดิ์
สำนักงานของผมอยู่ทางด้านตะวันตกของลอสแองเจลิส อยู่บนชั้นสี่ของตึกสูงหลังหนึ่ง มีเพียงสองห้องเท่านั้นในสำนักงานของผม - ห้องด้านนอก และห้องด้านใน ห้องด้านนอกเป็นห้องพักรอ มีเก้าอี้สี่ตัวในห้องพักรอแม้ว่าจะไม่เคยมีคนมารอพบผมสี่คนพร้อมกัน ในความเป็นจริงแล้วมักจะไม่มีใครเลยที่มารอพบผม
ในห้องด้านในมีโต๊ะไม้ราคาถูกหนึ่งตัว มีเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่หนึ่งตัวสำหรับผมนั่ง ด้านตรงข้ามของโต๊ะมีเก้าอี้โลหะเตี้ยๆ สำหรับแขกของผม เครื่องเรือนอื่นๆ ในสำนักงานประกอบด้วยตู้เก็บของขนาดใหญ่ทำด้วยโลหะแต่ไม่ได้ใส่อะไรไว้ และเตียงนอนแบบเตี้ย ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่ง เวลาที่มีงานมากบางทีผมก็นอนในสำนักงาน
ป้ายที่อยู่ด้านนอกประตูของผมเขียนไว้ว่า: 'แอล. แซมมิวล์ นักสืบเอกชน' นั่นแหละผมละ ผมเป็นคนร่างสูง เกือบสองเมตร น้ำหนักแปดสิบกิโล พวกผู้ชายพูดกันว่าผมขี้เหร่ แต่พวกผู้หญิงดูเหมือนจะเห็นว่าผมมีเสน่ห์ดึงดูด ผมมีตาสีน้ำตาล ผมสีน้ำตาล และมีฟันสวยมาก ผมเคยมีจมูกสวยเช่นกัน จนกระทั่งใครคนหนึ่งทำมันหักในการต่อสู้กันเมื่อปีที่แล้ว
ในระยะหลังๆ มานี้ผมไม่มีงานมากเท่าไหร่ ที่จริงแล้วผมมีอะไรทำน้อยมาก อย่างไรก็ตามผมมีงานเข้ามาบ้างเมื่อเดือนที่แล้ว ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อวันหนึ่งตอนบ่ายมากแล้วขณะที่ผมนั่งอยู่ในสำนักงานของผม ผมเพิ่งตัดเล็บของผมเสร็จและกำลังจะทำความสะอาดมัน
ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องด้านนอก ผมเปิดประตูห้องด้านนอกทิ้งไว้เสมอเผื่อกรณีที่จะมีใครเข้ามาหาผม เมื่อผมได้ยินเสียงเดินในห้องด้านนอกผมก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรนัก
ผมคิดว่าคงมีใครบางคนเกิดผิดพลาด เดินเข้ามาผิดสำนักงาน เป็นไปได้ว่าใครบางคนจะมาหาหมอที่อยู่ห้องถัดไป
แต่อีกชั่วขณะต่อมา มีเสียงเคาะเบามากที่ประตูห้องด้านใน
"เข้ามาได้" ผมตะโกน และเก็บกรรไกรสองขาที่ผมเอามาใช้ตัดเล็บ
ประตูเปิด และผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ผมเคยเห็นก็เดินเข้ามา เธออายุประมาณสิบแปดปี ตาสีฟ้า ผมบลอนด์ยาวสลวย เธอสวมเสื้อคลุมทันสมัยสีเขียวและสะพายกระเป๋าถือสีน้ำตาลใบใหญ่ไว้ที่ไหล่
"ขออภัยค่ะ" หญิงผู้นั้นกล่าว "ฉันมาหาคุณแซมมิวล์"
"ผมคือแซมมิวล์ครับ" ผมกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างเร็ว "เชิญเข้ามานั่งเลยครับ"
หญิงผู้นั้นไม่ได้ยิ้มตอบผม
"ไม่ค่ะ ฉันจะไม่นั่ง" เธอกล่าว
"เอาละ ถ้าคุณจะไม่นั่ง อย่างน้อยก็เข้ามาและปิดประตูเสียครับ" ผมตอบ
หญิงผู้นั้นเข้ามาในห้อง เดินมาวางกระเป๋าถือของเธอบนโต๊ะของผม
"ทีนี้" ผมกล่าว "ผมจะทำอะไรให้คุณได้บ้างครับ?"
"ฉันต้องการความช่วยเหลือ" หญิงผู้นั้นกล่าวช้าๆ "แต่ฉันไม่ทราบว่าคุณจะช่วยฉันได้ไหม คุณเป็นนักสืบเอกชนจริงๆ หรือ?"
"ก็เป็นแน่ละซีครับ" ผมตอบอย่างฉุนๆ "คุณไม่เห็นป้ายหน้าประตูสำนักงานหรือ? มันเขียนว่า 'แอล. แซมมิวล์ นักสืบเอกชน' ผมคือแซมมิวล์ ผมเป็นนักสืบเชลยศักดิ์"
"เอาละคุณแซมมิวล์" หญิงผู้นั้นกล่าวอย่างเย็นชา "ไม่จำเป็นต้องโมโห ฉันมีงานเล็กๆ ให้คุณ"
"ครับ" ผมกล่าวอย่างเร็ว "คุณต้องการจะให้ผมทำอะไรครับ?"
"จริงๆ แล้วมันก็ง่ายมาก" หญิงผู้นั้นตอบ "ฉันต้องการให้คุณตามหาน้องสาวฉัน เธอหายไป"
บทที่สอง
โปรดตามหาน้องสาวฉัน
"อ้อ" ผมกล่าว "น้องสาวคุณหายไป คุณแจ้งตำรวจหรือยัง?"
สาวผมบลอนด์สั่นศีรษะ เธอดูท่าทางกระวนกระวายและเริ่มร้องไห้
"ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้บอกตำรวจ" เธอกล่าว "ฉันไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ ฉันแค่ต้องการให้คุณช่วยตามหาน้องสาวฉัน" เธอเอาผ้าเช็ดหน้าสีชมพูผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าแล้วซับน้ำตา
"เอาละ" ผมกล่าว "บอกผมทุกอย่างเกี่ยวกับน้องสาวคุณสิครับ"
"เธอชื่อ อีเลน การ์ฟิลด์" หญิงผู้นั้นกล่าว
"และคุณชื่ออะไรครับ?" ผมขัดจังหวะ
"เฮเล็น เฮเล็น การ์ฟิลด์" เธอตอบ "น้องสาวฉันหายไปเมื่อสัปดาห์หนึ่งมาแล้ว พวกเราเตรียมที่จะรับประทานอาหารค่ำด้วยกันในคืนวันจันทร์ที่แล้ว แต่เธอไม่ได้มา"
"บางทีที่น้องสาวคุณไม่มาอาจเป็นเพราะเธอไม่ชอบอาหารที่คุณทำ" ผมชี้แนะ
"อย่าพยายามทำตลก ฉันบินมาตลอดทางจากนิวยอร์คเพื่อเจอเธอเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว" เธอกล่าวอย่างโมโห
"โอ้ เช่นนั้นคุณก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิสละซี" ผมกล่าว
"เปล่า" เธอตอบอย่างเร็ว "ฉันอาศัยอยู่ในนิวยอร์ค ฉันบินข้ามอเมริกาตรงมาหาน้องสาวฉัน แต่เมื่อมาถึงฉันพบว่าเธอหายไป"
"คุณทราบได้อย่างไรว่าเธอหายไป?" ผมถาม "บางทีน้องสาวคุณอาจเพียงแค่ลืมเรื่องอาหารค่ำ"
สาวผมบลอนด์หายใจลึก
"นี่คุณ" เธอกล่าว "ฟังฉันเล่าให้จบเสียก่อน ถ้าคุณไม่หยุดถามคำถาม ฉันจะไปหานักสืบคนอื่น"
"ครับ" ผมกล่าว "ผมกำลังฟัง"
"ฉันรอน้องสาวฉันอยู่ที่โรงแรมเมื่อเย็นวันจันทร์ที่แล้ว" หญิงผู้นั้นกล่าว "แต่เธอไม่มา ฉันโทรศัพท์ไปหาเธอ แต่ไม่มีใครรับสาย ดังนั้นเช้าวันต่อมาฉันไปที่สำนักงานที่เธอทำงาน ที่สำนักงานของเธอพวกเขาบอกว่าเธอต้องทำงานเมื่อวานนี้ คือเมื่อวันจันทร์น่ะ พวกเขายังบอกฉันว่าเธอได้ออกไปอย่างกะทันหันตอนบ่ายๆ โดยไม่ได้บอกใคร หลังจากนั้นฉันไปที่ห้องชุดของเธอแต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น"
หญิงผู้นั้นหยุดไปสักพักหนึ่งแล้วกล่าวต่อ
"คุณแซมมิวล์" เธอกล่าว "ฉันวิตกมากเรื่องน้องสาวฉัน มันไม่ปกติสำหรับเธอที่จะหายไปอย่างกะทันหันแบบนี้ ฉันแน่ใจว่าเธอตกอยู่ในอันตราย และฉันต้องการให้คุณตามหาเธอ"
"เอาละ" ผมกล่าว "มันอาจจะง่าย หรือมันอาจจะยาก แต่ผมจะตามหาเธอ แต่ก่อนอื่น บอกผมทีว่าทำไมคุณจึงรออยู่ถึงหกวันก่อนที่จะมาหาผม"
"นั่นไม่ใช่ธุระของคุณ" หญิงผู้นั้นกล่าว
"อ้อ ครับ" ผมตอบ "น้องสาวคุณชื่ออีเลน การ์ฟิลด์ เธอมีลักษณะอย่างไร?"
"อ๋อ บอกได้ไม่ยากเลยค่ะ" เฮเล็น การ์ฟิลด์ ตอบ "เธอเหมือนฉัน เราเป็นฝาแฝด ทีนี้คุณแซมมิวล์ คุณจะคิดเงินสักเท่าไรคะ?"
"วันละห้าสิบดอลล่าครับ" ผมกล่าว
"ดีมากค่ะคุณแซมมิวล์" หญิงผู้นั้นกล่าว "แต่วันละห้าสิบดอลล่านั้นเป็นเงินจำนวนมาก ฉันหวังว่าคุณจะทำงานอย่างแข็งขันเพื่อเงินจำนวนนั้นนะคะ"
"อ๋อแน่ละ" ผมตอบพร้อมกับยิ้ม "ผมจะทำงานอย่างแข็งขันมาก ทีนี้โปรดให้ที่อยู่ห้องชุดของน้องสาวคุณ และชื่อของสำนักงานที่เธอทำงาน ผมจะเริ่มงานทันทีครับ"
สาวผมบลอนด์เขียนที่อยู่ลงบนแผ่นกระดาษส่งให้ผม
"อีกอย่างหนึ่งครับ" ผมกล่าว "คุณจะให้ที่อยู่ของคุณด้วยได้ไหมครับ?"
"นั่นไม่จำเป็นหรอกค่ะ" เธอตอบขณะที่เธอหยิบกระเป๋าถือของเธอขึ้นมา "ฉันจะมาพบคุณอีกตอนห้าโมงเย็นวันพรุ่งนี้ ลาก่อนค่ะคุณแซมมิวล์"
โดยไม่รอคำตอบ หญิงผู้นั้นหันกลับและเดินออกไปจากสำนักงาน
ขณะที่ผมเฝ้ามองเธอเดินออกไปจากสำนักงานของผม ผมยิ้มให้กับตัวเอง 'นี่มันดีกว่าการทำความสะอาดเล็บ' ผมนึกในใจ แล้วผมก็เริ่มงาน
บทที่สาม
อาคารแมนสัน
หลังจากที่สาวผมบลอนด์ออกไปจากสำนักงานของผมแล้ว ผมดูที่อยู่ทั้งสองที่ที่เธอเขียนไว้ให้ในกระดาษ ที่แรกคือ:
อีเลน การ์ฟิลด์
ห้อง 716
อาคารแมนสัน
ซันเซ็ต เพลซ
ที่ที่สองคือ :
มายเยอร์แอนด์มายเยอร์
ทนายความ
อาคารไทเทิล-อินชัวร์แรนซ์
ผมเก็บกระดาษใส่ลงในกระเป๋าขณะที่ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู แล้วผมก็หยุดและกลับมาที่โต๊ะ ผมเปิดลิ้นชักบนซ้ายและหยิบปืนออกมา ปืน .38 สมิธแอนด์เวสสัน แล้วผมก็เก็บปืนกลับเข้าไปในลิ้นชัก ผมตัดสินใจว่ามันจะปลอดภัยกว่าถ้าจะทิ้งมันไว้ที่นี่ มันเป็นการง่ายที่จะถูกยิงถ้าคุณกำลังถือปืน
ผมวิ่งลงบันไดไปตลอดสี่ชั้นและออกมาที่ถนน ไครสเลอร์สีเทาบุโรทั่งของผมจอดอยู่ข้างนอก ผมโดดเข้าไปและขับออกไปอย่างรวดเร็วตรงไปยังซันเซ็ต เพลซ
อาคารแมนสันเป็นอาคารสูง เป็นอาคารชุดที่ดูอัปลักษณ์ ผมจอดไครสเลอร์ไว้ข้างนอกและเดินไปยังประตูหน้าที่เป็นประตูกระจกบานใหญ่
"นี่คุณ!" มีเสียงพูดขึ้น
ผมเดินต่อไป
"นี่คุณ!" เสียงนั้นพูดขึ้นอีก "คุณเอารถไว้ตรงนั้นไม่ได้"
ผมหยุดและหันกลับ ชายในเครื่องแบบสีเทายืนอยู่ข้างไครสเลอร์
"นี่คุณ!" ชายผู้นั้นกล่าวซ้ำ "คุณจอดรถตรงนั้นไม่ได้"
"ทำไม่ไม่ได้?" ผมถาม
"เพราะคนที่อาศัยอยู่ในอาคารแมนสันเท่านั้นที่จะจอดรถที่นี่ได้" เขาตอบ
"ถ้างั้น" ผมกล่าว "คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่ได้อาศัยอยู่ในอาคารแมนสัน?"
"เพราะผมเป็นคนเฝ้าประตู" ชายผู้นั้นตอบ "ผมทำงานอยู่ที่ทางเข้าอาคาร และคอยอนุญาตให้คนเข้าออกทางประตู ผมรู้จักทุกคนที่นี่"
"อ้อ" ผมกล่าว "งั้นก็กรุณาให้ผมเข้าไป"
คนเฝ้าประตูและผมเดินไปที่ประตูหน้าที่เป็นประตูกระจกบานใหญ่และเขาก็ให้ผมเข้าไป
"คุณต้องการพบใคร?" คนเฝ้าประตูถาม
"มิสอีเลน การ์ฟิลด์" ผมกล่าว "เธออาศัยอยู่ในห้อง 716"
"เสียใจด้วย" คนเฝ้าประตูตอบ "มิสการ์ฟิลด์ออกไปข้างนอก"
"เธอออกไปเมื่อไหร่?" ผมถาม พยายามทำเป็นไม่สนใจอะไรนัก
"ใส่ใจแต่เรื่องของคุณเองเถอะ" คนเฝ้าประตูกล่าว "ผมไม่บอกคุณหรอก และผมจะไม่ให้คุณขึ้นไปที่ห้องของมิสการ์ฟิลด์ เวลาที่เธอไม่อยู่"
"ทำไมคุณไม่ไปเดินเล่นสักหน่อยล่ะ?" ผมกล่าวกับคนเฝ้าประตู และเอาเงินห้าดอลล่าใส่มือเขา ผมเอาเงินให้คนเฝ้าประตูเพื่อให้เขาไปเสีย
คนเฝ้าประตูสั่นศีรษะ
"ไม่" เขากล่าว
ผมให้เงินคนเฝ้าประตูอีกห้าดอลล่า
"ทีนี้ก็ไปเดินเล่นให้นานๆ เลย" ผมกล่าว
คนเฝ้าประตูออกไปที่ถนน และผมก็ขึ้นไปที่ห้อง 716 ห้องของมิสอีเลน การ์ฟิลด์
บทที่สี่
ห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
ผมกดกริ่งข้างประตูห้อง 716 และรอ
ไม่มีใครขานรับ ผมกดกริ่งอีก แต่ก็ยังคงไม่มีใครขานรับ ผมจึงเอาแผ่นพลาสติกสี่เหลี่ยมแผ่นเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า ผมมองไปรอบๆ มีผมอยู่คนเดียว ผมดันแผ่นพลาสติกเข้าไปในช่องว่างระหว่างประตูและวงกบและเลื่อนแผ่นพลาสติกขึ้นลง สักพักหนึ่งประตูก็เปิดและผมก็เข้าไปในห้อง
ผมยืนนิ่งและเงี่ยหูฟัง ไม่มีเสียงใดๆ ผมเปิดสวิทช์ไฟและมองไปรอบๆ มันเป็นห้องชุดทันสมัย ผมกำลังยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมมองผ่านประตูทางด้านซ้ายที่เปิดอยู่ เห็นห้องนอนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ผมมองเข้าไปในตู้เสื้อผ้า - มันเกือบจะว่างเปล่า
"มันแปลกแฮะ" ผมนึกในใจ "คนที่หายตัวไปมักจะไม่เอาเสื้อผ้าเกือบทั้งหมดไปด้วย พวกเขาจะเอาเสื้อผ้าไปด้วยก็เมื่อมีแผนที่จะทำตัวให้สูญหายไปเป็นเวลานานๆ เท่านั้น"
ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นและตรวจค้นอย่างระมัดระวัง แต่ไม่พบสิ่งใดที่จะอธิบายการหายตัวไปของอีเลน การ์ฟิลด์ จากนั้นผมเข้าไปในห้องครัว ห้องครัวสะอาดและเป็นระเบียบมากเช่นกัน ไม่มีถ้วยจานที่สกปรก ไม่มีนมค้างเก่าในตู้เย็น ทุกสิ่งอยู่ในที่ในทางของมัน
"เอาละ" ผมนึกในใจ "ตอนนี้เหลือแต่ห้องน้ำเท่านั้นที่จะให้ตรวจค้น"
ห้องน้ำก็เช่นกัน ว่างเปล่าและสะอาด ผมเดินอย่างเร็วไปทั่วห้อง ดูให้แน่ใจว่าผมไม่ได้ลืมสิ่งใด ผมเช็ดทุกสิ่งที่ผมแตะต้องด้วยผ้าเช็ดหน้าของผมเพราะผมไม่ต้องการทิ้งลายนิ้วมือไว้ แล้วผมก็ปิดไฟและเปิดประตูเพื่อจะออกไป
แต่ผมไม่ได้ออกไป มีชายสองคนยืนอยู่นอกประตู คนหนึ่งเตี้ย ผมแดง และยิ้มแบบน่าเกลียด อีกคนหนึ่งค่อนข้างสูง สวมหมวกหลุบหน้า คนที่สวมหมวกถือปืนและปืนนั้นชี้มาที่ผม
ผมพยายามปิดประตู แต่ชายผมแดงเอาเท้าขวางประตูไว้ไม่ให้ปิด ผมปล่อยประตู ประตูเปิดและชายทั้งสองคนก็เข้ามา คนที่สวมหมวกเดินนำหน้าและยังคงถือปืน
"ยกมือขึ้น" ชายที่ถือปืนกล่าว
แล้วเขาก็หันไปหาชายผมแดง
"ดูซิว่าเขามีปืนไหม โจ"
โจ ชายผมแดง เข้ามาหาผม ผมรอ เมื่อโจเข้ามาอยู่ระหว่างผมกับชายที่ถือปืน ผมก็กระโดด ผมกระโดดไปข้างหน้าและจับรอบคอโจ ผมจับเขาให้อยู่ข้างหน้าผม ชายที่ถือปืนไม่สามารถยิงได้เพราะเขาจะยิงโดนเพื่อนของเขา
"เอาละ" ผมพูดกับชายที่มีปืน "หลีกทางไป ฉันจะไปละ และจะเอาเพื่อนแกไปด้วย"
โดยที่จับโจไว้ข้างหน้าผม ผมเดินช้าๆ ไปที่ชายที่มีปืน แล้วแผนของผมก็มีบางอย่างพลาดไป
ชายที่มีปืนเริ่มหัวเราะ เขาเก็บปืนใส่กระเป๋าและยืนหัวเราะ
"แกหัวเราะทำไม?" ผมถาม
"ฉันหัวเราะก็เพราะแกมันโง่" ชายที่มีปืนกล่าว และเดินเข้ามาหาผม
"หยุด" ผมกล่าว "ไม่งั้นฉันจะ..."
"แกจะทำอะไร?" ชายคนที่มีปืนถาม "แกทำอะไรไม่ได้หรอก ฉันเป็นคนที่มีปืน"
ขณะที่เขากล่าว เขาก็เอียงตัวมาข้างหน้า เขาดึงโจออกจากแขนผมและชกหน้าผม ผมต้องขอบอกว่าผมไม่คาดว่าจะถูกชกหน้า มันเจ็บ และมันก็เจ็บยิ่งขึ้นเมื่อเขาชกผมอีก และผมก็ล้มลงบนพื้น ผมนอนนิ่งอยู่บนพื้น หวังว่าชายสองคนนั้นจะไปเสีย แต่พวกเขาไม่ไป แต่กลับดึงผมขึ้นมาทุบเข้าที่หัวอย่างแรง ทุกสิ่งดำมืดไปหมด ผมนอนลงบนพื้น - ผมหมดสติ
บทที่ห้า
มายเยอร์แอนด์มายเยอร์
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการเจ็บหัวอย่างแรง ผมนอนอยู่บนพื้นนอกประตูห้องของมิสอีเลน การ์ฟิลด์ ผมมองไปรอบๆ ชายที่มีปืนและเพื่อนผมแดงของเขาไปแล้ว ผมอยู่คนเดียวและปวดหัวเหลือประมาณ ผมลุกขึ้นช้าๆ และลูบคลำศีรษะเบาๆ เพื่อดูว่ามีเลือดออกไหม ไม่มีเลือดออก แต่ยังรู้สึกเจ็บหัวมาก ผมตัดสินใจจะกลับไปนอนที่สำนักงาน
ไม่มีร่องรอยของคนเฝ้าประตูที่ทางเข้าอาคารแมนสัน ผมเดินออกจากประตูและข้ามถนนไปยังไครสเลอร์สีเทาบุโรทั่ง ผมขับช้าๆ กลับมาที่สำนักงาน
เสียงโทรศัพท์กำลังดังตอนที่ผมไปถึงสำนักงาน ผมรีบเข้าไปรับโทรศัพท์
"แซมมิวล์พูดครับ"
"ฟังนะแซมมิวล์" มีเสียงตอบมา "ลืมเรื่องอีเลน การ์ฟิลด์ ซะ เราทำแกเจ็บเล็กน้อยในห้องของเธอ ถ้าแกไม่ลืมเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับอีเลน การ์ฟิลด์ เราจะทำให้แกเจ็บยิ่งขึ้นไปอีก"
"แกเป็นใคร?" ผมถาม
แต่ไม่มีคำตอบ ชายผู้นั้นวางโทรศัพท์ไปแล้ว
ผมตัดสินใจทำตามที่ชายผู้นั้นบอกผม ผมจะลืมเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับอีเลน การ์ฟิลด์ ซะ - สักสิบชั่วโมง หลังจากนอนหลับในราตรีอันมีสวัสดิ์แล้ว ผมจะตามหาอีเลน การ์ฟิลด์ อีกทั้งผมจะพยายามตามหาชายที่มีปืนกับเพื่อนของเขาเจ้าโจนั่นอีกด้วย ผมนอนลงบนเตียงเตี้ยอันแข็งกระด้างแล้วหลับไปในทันที
ผมตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมาเมื่อเวลาแปดโมง ผมลูบคลำศีรษะอย่างระมัดระวัง แต่มันไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วตอนนี้
ผมออกจากสำนักงานและข้ามถนนไปยังร้านกาแฟที่ผมมักจะไปรับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ ผมดื่มน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว รับประทานขนมปังปิ้งเฟรชโทสต์ และดื่มกาแฟหลายแก้ว
ผมอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า มีข่าวหลายเรื่อง แต่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับมิสอีเลน การ์ฟิลด์ ผมดูนาฬิกา ออกจากร้านกาแฟ และเดินข้ามไปยังรถไครสเลอร์
เกือบเก้าโมง ผมอยู่ข้างนอกอาคารไทเทิล-อินชัวร์แรนซ์ ตอนเก้าโมงสามนาทีผมยืนอยู่นอกประตูสำนักงานทนายความมายเยอร์แอนด์มายเยอร์ ตอนเก้าโมงยี่สิบผมยังคงยืนอยู่นอกประตู ยังไม่มีใครมาทำงาน ตอนเก้าโมงครึ่ง เลขาคนแรกมาถึง และตอนเก้าโมงสี่สิบสองผมนั่งอยู่ในสำนักงานของคุณมายเยอร์
"ครับ คุณมายเยอร์" ผมกล่าว "ผมชื่อแซมมิวล์ และผมเป็นนักสืบเอกชน"
"ยินดีที่ได้พบคุณครับ" คุณมายเยอร์กล่าวอย่างสุภาพ เขาอายุประมาณห้าสิบห้า สวมชุดสีเทา มีผมสีเทา และใบหน้าทึมเทาเฒ่าชรา
"มิสอีเลน การ์ฟิลด์ ทำงานที่นี่ใช่ไหมครับ?" ผมถาม
"ใช่ครับ เธอทำงานที่นี่" คุณมายเยอร์กล่าว "แต่เธอไม่ได้มาทำงานตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว ทำไมคุณจึงต้องการพบอีเลนครับ?"
"พี่สาวของเธอขอให้ผมช่วยตามหาเธอครับ" ผมตอบ "คุณพอจะนึกถึงอะไรก็ตามที่อีเลนพูดหรือทำอันจะอธิบายการหายตัวไปของเธอได้บ้างไหมครับ?"
คุณมายเยอร์เกาศีรษะ
"ไม่ครับ" เขากล่าว "ผมเกรงว่าผมจะช่วยคุณไม่ได้"
"อีเลนเคยทำงานกับใครครับ?" ผมถาม
คุณมายเยอร์ มองมาที่ผม
"ทำไมคุณจึงพูดว่า 'อีเลนเคยทำงานกับใคร?' ทำไมไม่พูดว่า 'อีเลนทำงานกับใครอยู่?' อีเลนไม่ได้ตายไม่ใช่หรือครับ?" เขาถาม
ผมมองตรงไปที่คุณมายเยอร์
"ผมไม่ทราบว่าอีเลนตายหรือเปล่า" ผมกล่าว "คุณจะรู้สึกเศร้าใจมากไหมครับถ้าเธอตาย?"
"ครับ แน่นอน ผมจะรู้สึกเศร้าใจ" คุณมายเยอร์ตอบอย่างโมโห "คุณพยายามที่จะบอกเป็นนัยว่าผมรู้ว่าอีเลนอยู่ที่ไหนหรือครับ?"
ผมยิ้ม
"เอาละ ไม่ต้องตื่นเต้นครับ คุณมายเยอร์" ผมกล่าว "คุณบอกชื่อใครก็ตามที่ทำงานกับอีเลนให้ผมได้ไหม - ใครก็ตามที่ใช้โต๊ะทำงานร่วมกับเธอ หรือทำงานในห้องเดียวกันกับเธอ?"
"ได้" คุณมายเยอร์กล่าว "บอกได้ไม่ยากเลยครับ อีเลนใช้ห้องทำงานร่วมกับ ซูซี่ แกรห์ม"
ผมลุกขึ้น
"ขอบคุณมากครับคุณมายเยอร์" ผมกล่าว "ห้องทำงานของซูซี่ แกรห์ม อยู่ไหนครับ ขอความกรุณา?"
"อยู่ข้างโถงทางเดิน" คุณมายเยอร์กล่าว "ห้องที่สามทางซ้ายครับ"
ผมกล่าวขอบคุณคุณมายเยอร์อีกครั้ง แล้วเดินไปที่ประตู
"โอ คุณแซมมิวล์" คุณมายเยอร์กล่าว "ผมขออภัยที่โมโห แต่คุณคงเข้าใจว่าผมไม่ต้องการ..."
"ครับ ผมเข้าใจ" ผมขัดจังหวะ "คุณไม่ต้องการให้นักสืบเอกชนโสมมเข้ามาในห้องทำงานอันแสนสะอาดน่าดูชมของคุณ"
ผมเดินออกจากห้องทำงานของคุณมายเยอร์ และปิดประตูกระแทกตามหลัง ผมเดินช้าๆ ไปตามโถงทางเดินและเคาะประตูห้องที่สามทางซ้าย
"เข้ามาได้" มีเสียงพูดขึ้น
ผมจึงเข้าไปในห้อง
"คุณคือซูซี่ แกรห์ม ใช่ไหมครับ?" ผมถาม
"ใช่ค่ะ" ผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกล่าว "ฉันคือซูซี่"
ผมยิ้มให้เธอ ซูซี่ เป็นผู้หญิงประเภทที่ทุกคนจะต้องยิ้มให้ เธอร่างเล็กผอมบาง และมีนัยน์ตาแสนสวยสีน้ำตาล
"ฉันจะช่วยอะไรคุณได้บ้างคะ?" ซูซี่ถาม
ผมยิ้มอีก
"ผมอยากจะถามอะไรคุณบางอย่างครับ มิสแกรห์ม"
"อย่าเรียกฉันว่ามิสแกรห์มเลยค่ะ" หญิงผู้นั้นกล่าว "คุณเรียกฉันว่าซูซี่ก็ได้"
"ครับ ซูซี่" ผมกล่าว "ผมอยากจะถามคุณบางอย่างเกี่ยวกับเพื่อนของคุณ เธอชื่ออีเลน การ์ฟิลด์"
ซูซี่หยุดยิ้ม
"ค่ะ ได้ค่ะ" เธอกล่าว "แต่ฉันไม่ต้องการพูดเรื่องอีเลนในที่ทำงานนี่"
"ครับ" ผมตอบ "ผมจะบอกคุณว่าเราจะทำยังไง เราจะออกไปข้างนอกและไปหาร้านกาแฟ ผมจะซื้อกาแฟให้คุณแก้วนึง แล้วคุณก็บอกผมเรื่องอีเลน ตกลงไหม?"
ซูซี่รู้สึกร่าเริงขึ้นและดูจะสบายใจขึ้นเยอะ
"ฉันอยากดื่มกาแฟสักแก้ว" เธอกล่าว "แต่คุณมายเยอร์คงจะโกรธถ้าฉันออกไปจากที่ทำงาน"
"อย่าห่วงเรื่องคุณมายเยอร์" ผมกล่าวพร้อมกับยิ้มกว้าง "คุณมายเยอร์กับผมเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก"
บทที่หก
ซูซี่
ซูซี่สวมเสื้อคลุม แล้วเราก็ออกจากสำนักงานไปด้วยกัน เราเจอร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ตรงข้ามอาคารไทเทิล-อินชัวร์แรนซ์พอดี
ในร้านกาแฟ ผมบอกซูซี่ถึงสาเหตุที่ผมถามเรื่องอีเลน การ์ฟิลด์
"เฮเล็นพี่สาวฝาแฝดของอีเลน คิดว่าอีเลนหายไป และเธอขอให้ผมตามหาอีเลน" ผมกล่าว "เฮเล็นบอกผมว่าเธอมาที่มายเยอร์แอนด์มายเยอร์เมื่อวันอังคารที่แล้ว มีคนบอกเธอว่าอีเลนทิ้งงานไปอย่างกะทันหันเมื่อบ่ายวันจันทร์ที่แล้ว มันถูกต้องตามนั้นหรือเปล่าครับ?"
ซูซี่พยักหน้ารับ
"อย่างน้อยที่สุดส่วนหนึ่งก็ถูกต้องตามนั้น" เธอกล่าว "อีเลนทำงานอยู่เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว และเธอก็รีบออกไปตอนบ่ายๆ"
ซูซี่หยุดไปสักพักหนึ่ง แล้วเธอก็เล่าต่อ
"แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเห็นเฮเล็นพี่สาวของอีเลนในวันอังคาร ที่จริงแล้วฉันไม่รู้เลยว่าอีเลนมีพี่สาว"
"พี่สาวของอีเลนอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ค" ผมอธิบาย "ทีนี้คุณจำตอนบ่ายวันจันทร์ที่แล้วได้ไหม? อีเลนบอกเหตุผลที่เธอออกไปอย่างกะทันหันหรือเปล่า?"
"อ๋อ ค่ะ" ซูซี่กล่าว "อีเลนบอกว่าเธอรู้สึกไม่สบายและจะไปนอน"
"มีใครมาพบหรือโทรศัพท์มาหาอีเลนตอนบ่ายวันจันทร์ที่แล้วบ้างหรือเปล่าครับ?" ผมถาม
"ไม่มีค่ะ ฉันไม่คิดว่ามี" ซูซี่กล่าว "ไม่ใช่ เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันคิดว่า ... มีค่ะ อีเลนรับโทรศัพท์ก่อนที่เธอจะออกไป"
ผมยิ้ม
"ผมจะไม่ทึกทักเอาว่าคุณจะบังเอิญได้ยินการสนทนาทางโทรศัพท์นั้นนะครับ?"
"แน่นอนว่าไม่เลยค่ะ" ซูซี่ตอบ "ฉันไม่คอยฟังโทรศัพท์ของคนอื่นหรอก"
"คุณพอจะคิดถึงเหตุผลที่อีเลนหายตัวไปได้บ้างไหมครับ?" ผมถาม
"ไม่ค่ะ" ซูซี่ตอบ "อีเลนมีอัธยาศัยไมตรีดีมากต่อทุกๆ คนเสมอ และเธอไม่ได้มีท่าทางว่าจะมีเรื่องยุ่งยากใดๆ"
"อีเลนมีเพื่อนคนพิเศษบ้างไหมครับ ผู้ชายหรือผู้หญิงที่เธอพูดถึงบ่อยๆ?" ผมถาม
"ไม่ค่ะ ไม่มีจริงๆ" ซูซี่ตอบ "อีเลนกับฉันเคยมีอัธยาศัยไมตรีกันดี และเราออกไปเต้นรำกันบ่อยๆ แต่ระยะหลังมานี้เราไม่ได้ออกไปกันเลย"
"ผมเข้าใจครับ" ผมกล่าว แม้ว่าจริงๆ แล้วผมไม่เข้าใจอะไรเลย "คุณจำครั้งสุดท้ายที่พวกคุณออกไปด้วยกันได้ไหมครับ คุณจำสถานที่ที่ไปได้ไหม?"
"โอ้ จำได้ไม่ยากเลยค่ะ" ซูซี่กล่าว "เราไปที่ลาสคาบานัสคลับ เราไปที่นั่นเป็นประจำ มันประมาณหนึ่งเดือนมาแล้ว เรามีเรื่องเถียงกันที่นั่น ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ได้ออกไปด้วยกันอีก"
"เถียงกันเรื่องอะไรครับ?" ผมถาม
"มันเป็นเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว" ซูซี่อธิบาย "และฉันอยากกลับบ้าน แต่อีเลนบอกว่าเธออยากอยู่ต่ออีกหน่อย เธอบอกว่าเธอเจอผู้ชายยอดดีคนหนึ่งและยังไม่อยากกลับ ฉันบอกว่าฉันจะกลับบ้าน แล้วฉันก็ทิ้งอีเลนไว้ที่คลับ หลังจากค่ำวันนั้นเรื่องหนึ่งก็ทำให้เกิดอีกเรื่องหนึ่งตามมา"
"คุณหมายความว่าอะไรที่ว่า" ผมถาม "... 'เรื่องหนึ่งก็ทำให้เกิดอีกเรื่องหนึ่งตามมา'?"
ซูซี่ยิ้ม
"ฉันมักจะพูดกับอีเลนเรื่องผู้ชายที่เธอพบ อีเลนคิดว่าเขาช่างวิเศษเลิศเลอ ฉันบอกเธอว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรหรอก"
"แล้วอีเลนว่าอย่างไรเมื่อคุณบอกเธอเช่นนั้น?" ผมถามด้วยความสนใจ
"เธอโกรธมาก" ซูซี่ตอบ "ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ได้ออกไปเต้นรำกันอีก"
ผมจ่ายเงินค่ากาแฟ
"คุณช่วยอะไรได้มากเลยครับซูซี่" ผมกล่าว "และผมมีคำถามอีกเพียงข้อเดียว คุณจำชื่อผู้ชายที่อีเลน การ์ฟิลด์ เจอที่ลาสคาบานัสได้ไหมครับ?"
"เบ็นนี่ กรีพ" ซูซี่กล่าว "เขาชื่อเบ็นนี่ กรีพ"
"ขอบคุณมากจริงๆ เลยครับซูซี่" ผมกล่าวพร้อมกับยิ้ม "คุณช่วยผมได้อย่างมหาศาลเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" ซูซี่กล่าว และมองดูผมด้วยตาโตสีน้ำตาลแสนสวยของเธอ "ถ้ามีอะไรอื่นที่ฉันจะช่วยได้อีกก็บอกมาได้เลยนะคะ"
ผมมองตรงเข้าไปในตาเธอ
"คุณจะทำอะไรในคืนนี้ครับ?" ผมถาม
"ฉันจะอยู่บ้านดูโทรทัศน์" ซูซี่ตอบ "เพื่อนชายฉันเป็นนักมวย และเขาจะขึ้นชกออกโทรทัศน์คืนนี้ค่ะ"
"ลาก่อนซูซี่" ผมกล่าว และเฝ้าดูเธอขณะที่เธอข้ามถนนกลับไปที่อาคารไทเทิล-อินชัวร์แรนซ์ เพื่อนชายเธอเป็นนักมวย! นั่นช่างเป็นโชคของผมเสียจริง
บทที่เจ็ด
เบ็นนี่ กรีพ
ผมดูนาฬิกา มันเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว ผมกลับเข้ามาในร้านกาแฟและขอดูสมุดโทรศัพท์ ผมเปิดไปที่หมวดอักษร 'แอล' แล้วไล่นิ้วลงมาตามขอบหน้ากระดาษ ไม่ช้าผมก็พบชื่อที่ผมหา: 'ลาสคาบานัส' ผมพิจารณาอย่างละเอียด ที่อยู่คือ:
ลาสคาบานัส 232 ถนนโกลเด้น โทรศัพท์: 323.0313
ผมออกจากร้านกาแฟและเดินข้ามไปยังที่ที่ผมจอดไครสเลอร์ไว้ มันยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน ผมจึงตัดสินใจไปดูว่าลาสคาบานัสเป็นอย่างไร มันใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีในการขับรถไปถึงและอีกสิบนาทีในการหาที่จอดรถ
คุณเคยเห็นไนท์คลับตอนกลางวันไหม? มันเป็นภาพที่ทำให้ผิดหวัง ในตอนกลางคืนไนท์คลับดูช่างน่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตาม ตอนสิบเอ็ดโมงสี่สิบห้า มันดูเก่า ว่างเปล่า สกปรก ชายที่ผมพบที่ลาสคาบานัสก็ดูเป็นมือเก่าช่ำชอง ว่างเปล่าไร้ความจริงใจ และทุจริตสกปรก เช่นเดียวกัน
ผมกดกริ่งอยู่ห้านาทีก่อนที่เขาจะมาขานรับที่ประตู แม้กระทั่งในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้เปิดประตู เขาเปิดแต่ช่องเล็กๆ ที่ประตู
"คุณต้องการอะไร?" เขาถาม "คลับยังไม่เปิดจนกว่าจะสี่ทุ่มคืนนี้"
"ผมมาหาใครบางคน" ผมกล่าว "คนที่ชื่อเบ็นนี่ กรีพ"
"ผมไม่รู้จักใครที่ชื่อเบ็นนี่ กรีพ" ชายผู้นั้นตอบและเตรียมจะปิดช่องเล็กที่ประตู
"รอเดี๋ยว" ผมกล่าว และยื่นห้าดอลล่าเข้าไปทางช่องเล็ก
"อย่างนั้นค่อยดีขึ้น" ชายผู้นั้นกล่าว
และเขาก็เปิดประตูและให้ผมเข้าไปข้างใน
ผมเดินข้ามฟลอร์เต้นรำตามเขาไป ชายผู้นั้นเป็นคนทำความสะอาด เขาหยิบแปรงขึ้นมาและเริ่มทำความสะอาดพื้น
"คุณทราบไหมว่าผมจะหาเบ็นนี่ กรีพ ได้ที่ไหน?" ผมถามชายผู้นั้นอีก
"ถ้าคุณกลับมาอีกทีตอนสี่ทุ่มคืนนี้ คุณจะหาเบ็นนี่ กรีพ ได้ที่นี่" ชายผู้นั้นกล่าว "เบ็นนี่เล่นกลองในวงดนตรี"
ผมให้เงินชายผู้นั้นไปอีกห้าดอลล่า
"ผมจะหาเบ็นนี่เดี๋ยวนี้ได้ที่ไหน?" ผมถาม
ชายผู้นั้นหยิบเศษกระดาษขึ้นมาจากพื้นและเขียนที่อยู่ลงไป
ผมรับกระดาษมาและออกมาโดยทันที
ขณะที่ผมขับไครสเลอร์สีเทาไปจากลาสคาบานัส ผมมองดูที่อยู่ที่คนทำความสะอาดเขียนไว้:
5314 ถนนอาร์วีด้า
ลอสแองเจลิสตะวันตก
5314 ถนนอาร์วีด้า เป็นช่วงตึกเก่าที่ทำเป็นอาคารชุด ผมให้เงินคนเฝ้าประตูสองดอลล่าเพื่อให้เขาบอกว่าห้องของเบ็นนี่ กรีพ อยู่ที่ไหน ผมเดินขึ้นบันไดมืดๆ แคบๆ ไปจนถึงชั้นห้า ผมมองหาห้อง 507
ผมเคาะประตูห้อง 507 และรอ ไม่มีใครขานรับ ผมจึงกดกริ่ง ก็ไม่มีใครขานรับ ผมเคาะประตูอีกอย่างแรง ก็ยังไม่มีใครขานรับ
ผมผลักประตู มันเปิดออกอย่างง่ายดาย ผมรอ ไม่มีเสียงจากในห้อง ผมจึงเข้าไป ไฟเปิดอยู่ และม่านก็ปิดอยู่ ห้องนั้นเล็กมาก มีห้องหลักอยู่หนึ่งห้องซึ่งใช้เป็นห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องนอน ในห้องมีสองประตู ประตูหนึ่งเป็นประตูห้องครัว อีกประตูหนึ่งเป็นประตูห้องน้ำ
ห้องหลักนั้นรกมาก บนโต๊ะมีจานและแก้วสกปรกวางอยู่ทั่วโต๊ะ มีที่เขียบุหรี่ที่มีเถ้าบุหรี่เต็มวางอยู่บนพื้น มีกลิ่นแปลกๆ ในห้อง
ผมมองเข้าไปในห้องครัว ห้องครัวก็สกปรกรกรุงรังเช่นกัน ผมเดินไปยังห้องน้ำและเปิดประตู
เบ็นนี่ กรีพ อยู่ในอ่างอาบน้ำ มือซ้ายของเขาพาดอยู่บนขอบด้านข้างอ่างอาบน้ำ มือมีเล็บที่ตัดอย่างเรียบร้อย และมีแหวนทองคำที่นิ้วมือ ข้อมือหุ้มด้วยแขนเสื้อซึ่งค่อนข้างสกปรก ผมมองไม่เห็นส่วนที่เหลือของแขนเพราะมันอยู่ใต้น้ำ
ศีรษะของเบ็นนี่ กรีพ อยู่พ้นน้ำเล็กน้อย เขามีใบหน้าหล่อเหลาและผมสีดำค่อนข้างยาว นัยน์ตาทั้งสองเปิดกว้าง ส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่อยู่พ้นน้ำก็คือเท้าทั้งสอง แต่ผมมองไม่เห็นนิ้วเท้าเพราะเขายังคงสวมรองเท้าและถุงเท้าอยู่ น้ำในอ่างอาบน้ำเป็นสีแดง
ผมดึงที่อุดในอ่างอาบน้ำออกเพื่อระบายน้ำ เมื่อน้ำหมด ผมพินิจพิจารณาดูผู้ตายอย่างละเอียดยิ่งขึ้น เขาตายมาหลายชั่วโมงแล้ว เขาถูกยิงที่หน้าอกแล้วก็ถูกผลักลงไปในอ่างอาบน้ำ ผมมองที่พื้นใกล้อ่างอาบน้ำ มีเลือดอยู่บนพื้นด้วย และผมยืนอยู่บนกองเลือดนั้น ผมถอยออกมาแล้วใช้น้ำล้างเลือดออกจากรองเท้า
แล้วผมก็มองไปรอบๆ ห้องหลักอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เสื้อนอกของผู้ตายวางอยู่บนเก้าอี้ ผมควานดูในกระเป๋า ผมพบเงินไม่กี่ดอลล่าและใบขับขี่ ใบขับขี่มีรูปผู้ตาย ใบขับขี่เป็นของเบ็นนี่ กรีพ และที่อยู่ในใบขับขี่คือ 5314 ถนนอาร์วีด้า ลอสแองเจลิสตะวันตก ผู้ตายที่อยู่ในอ่างอาบน้ำคือเบ็นนี่ กรีพ อย่างแน่นอน
บทที่แปด
ถูกจับข้อหาฆาตกรรม
ผมพล่านไปทั่วห้องและทำความสะอาดทุกสิ่งที่ผมแตะต้องอย่างระมัดระวัง ผมไม่ต้องการทิ้งลายนิ้วมือไว้ ไม่มีสิ่งใดในห้องที่เชื่อมโยงเบ็นนี่ กรีพ กับอีเลน การ์ฟิลด์ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นโทร.เรียกตำรวจ
"ผมพูดจากห้อง 507 , 5314 ถนนอาร์วีด้า" ผมกล่าว "มีคนตายอยู่ในอ่างอาบน้ำ"
"ครับ" ตำรวจพูดมาจากอีกปลายสาย "คุณชื่ออะไรครับ?"
ผมบอกเขา
"อย่าแตะต้องสิ่งใด" ตำรวจกล่าว "และรออยู่ตรงนั้น รถตำรวจจะไปถึงที่นั่นในไม่กี่นาที"
ผมวางโทรศัพท์และนั่งรอ สามนาทีต่อมาผมได้ยินเสียงรถตำรวจมา รถจอดที่ด้านนอกอาคารและผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งขึ้นบันไดมา
ตำรวจสองนายเดินเข้ามาในห้อง ทั้งคู่สวมเครื่องแต่งกายธรรมดาและดูท่าทางตื่นเต้นและอิดโรย คนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบห้าปี อีกคนหนึ่งประมาณสี่สิบ
ตำรวจคนที่แก่กว่าเข้ามาหาผมและแสดงเอกสารตำรวจของเขาให้ผมดู
"ศพอยู่ที่ไหน?" เขาถาม
ผมชี้ไปที่ห้องน้ำ ตำรวจทั้งสองเข้าไปดูในห้องน้ำ คนที่หนุ่มกว่ากลับออกมาก่อนและสั่นหัว
"เอาละ" ตำรวจที่หนุ่มกว่ากล่าว "คุณทำอย่างนี้ทำไม?"
"ทำอะไร?" ผมถามด้วยความประหลาดใจ
"ทำไมคุณจึงฆ่าเพื่อนคุณในอ่างอาบน้ำ?" ตำรวจหนุ่มกล่าว
"เขาไม่ใช่เพื่อนผม" ผมตอบ
"ผมไม่ห่วงว่าเขาจะเป็นเพื่อนคุณหรือไม่" ตำรวจกล่าว "บอกผมมาว่าทำไมคุณจึงฆ่าเขา"
"ผมไม่ได้ฆ่าเขา" ผมกล่าวด้วยอารมณ์สงบ
"ถ้างั้นคุณมาทำอะไรที่นี่?" ตำรวจคนที่แก่กว่าถามขณะที่ออกมาจากห้องน้ำ
"ผมชื่อเล็นนี่ แซมมิวล์" ผมอธิบาย "ผมเป็นนักสืบเอกชน และผมมาที่นี่เพื่อพูดกับเบ็นนี่ กรีพ ประตูเปิดอยู่ผมจึงเข้ามา ผมเข้าไปดูในห้องน้ำและพบผู้ตายในอ่างอาบน้ำ ผมจึงโทรศัพท์เรียกตำรวจ ผู้ตายคือเบ็นนี่ กรีพ"
"ทำไมคุณจึงต้องการพูดกับเบ็นนี่ กรีพ?" ตำรวจคนที่หนุ่มกว่าถาม
"ขออภัย ผมให้คำตอบนั้นไม่ได้" ผมตอบ
"คุณทำงานให้ใคร?" ตำรวจคนที่แก่กว่าถาม
"ขออภัย ผมให้คำตอบนั้นไม่ได้เช่นกัน" ผมกล่าว "เท่าที่ผมรู้ ความตายของเบ็นนี่ กรีพ ไม่มีอะไรที่จะต้องดำเนินการกับคนที่ผมทำงานให้"
"บอกผมว่าคุณทำงานให้ใคร" ตำรวจคนที่หนุ่มกว่าแผดเสียงอย่างโมโห
"ใจเย็นๆ" ตำรวจคนที่แก่กว่ากล่าวกับตำรวจคนที่หนุ่มกว่า "คุณอยู่ที่นี่ก่อนจนกว่าตำรวจอีกคนจะมาถึง ผมจะนำคุณแซมมิวล์ไปที่สถานีตำรวจ"
ผมเงียบ และตามตำรวจคนที่แก่กว่าออกจากห้องและลงบันไดไป ที่ด้านนอกอาคารเราเข้าไปในไครสเลอร์บุโรทั่งของผม ตำรวจเป็นผู้ขับ ไม่นานเราก็มาถึงสถานีตำรวจ ที่ซึ่งตำรวจขังผมไว้ในห้องเล็กๆ ผมนั่งลงบนเก้าอี้ไม้แข็งเป๊กตัวหนึ่งในห้องที่ปิดกุญแจและพยายามที่จะหลับ
มันไม่มีประโยชน์ที่จะโมโหหรือกลัดกลุ้มในการที่ถูกจับในข้อหาฆาตกรรม นั่นเป็นอะไรบางอย่างที่คุณจะต้องทำความคุ้นเคยกับมันถ้าคุณเป็นนักสืบเอกชน มันเกิดขึ้นตลอดเวลา
แต่ผมไม่สามารถที่จะหลับลงได้ ผมกำลังคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่ผมได้พบเฮเล็น การ์ฟิลด์ เมื่อวานนี้ ผมไม่สามารถที่จะหลับลงได้เพราะมีหลายอย่างที่ก่อความวิตกกังวลให้แก่ผม แต่ผมไม่สามารถที่จะระลึกได้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร
บทที่เก้า
จ่าเมอร์ฟี่
ขณะที่ผมอยู่ที่สถานีตำรวจ ผมจำเรื่องหนึ่งได้ในบรรดาหลายเรื่องที่ก่อความวิตกกังวลให้ผม ทำไมโจและสหายโย่งของเขาจึงรู้ว่าผมอยู่ในห้องของอีเลน การ์ฟิลด์? คนเฝ้าประตูที่อาคารแมนสันจะต้องเป็นคนบอกชายสองคนนั้นแน่ๆ ผมตัดสินใจว่าจะไปคุยกับคนเฝ้าประตูเมื่อผมออกจากสถานีตำรวจ
ผมนั่งพิงเก้าอี้และมองดูนาฬิกาของผม เป็นเวลาเกือบสี่โมงแล้ว
แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าเฮเล็น การ์ฟิลด์ จะมาที่สำนักงานของผมตอนห้าโมง ผมอยู่พบเธอที่นั่นไม่ได้เสียแล้ว
แต่มีอย่างอื่นอีกที่ก่อความวิตกกังวลให้ผม มันไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรนัก มันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ผมไม่สามารถที่จะระลึกได้ว่ามันคืออะไร
ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออกและตำรวจนายหนึ่งก็เข้ามา
"ลุกขึ้น" ตำรวจนายนั้นแผดเสียง "ตามมา"
ผมลุกขึ้นยืนและตามตำรวจนายนั้นออกจากห้องไปและเดินไปตามโถงทางเดิน ตำรวจนายนั้นหยุด เคาะประตู และเปิดเข้าไป
"คุณพร้อมจะพบนักสืบเอกชนหรือยังครับ?" ตำรวจนายนั้นถามขณะที่โผล่ศีรษะเข้าไปทางประตู
โดยไม่รอคำตอบ ตำรวจนายนั้นเปิดประตูให้กว้างออกและผลักผมเข้าไปในห้อง ตำรวจนายนั้นเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง
ในห้องนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะ เขาศีรษะล้านเลี่ยน - ไม่มีผมสักเส้น เขาอายุประมาณห้าสิบห้าปี และเขาชื่อจ่าเมอร์ฟี่ จ่าเมอร์ฟี่ใช้ชีวิตทั้งหมดของเขาเป็นตำรวจและไม่ชอบนักสืบเอกชน
จ่าเมอร์ฟี่นั่งมองดูผม เขามองดูผมอยู่ประมาณห้านาทีโดยไม่พูดอะไร ผมยืนอยู่หน้าโต๊ะเขา มองตรงกลับไปที่เขา ความเงียบไม่ได้ทำให้ผมวิตกกังวล ที่จริงแล้วผมค่อนข้างจะชอบมันซะด้วยซ้ำ ความเงียบนั้นดีเสียยิ่งกว่าคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ผมทำในห้องของเบ็นนี่ กรีพ มากนัก
"คุณไปทำอะไรอยู่ในห้องของเบ็นนี่ กรีพ?" จ่าเมอร์ฟี่ถามขึ้นทันใด
"ผมต้องการพูดกับเขา" ผมตอบ
"ทำไมคุณจึงฆ่าเบ็นนี่ กรีพ?" จ่าเมอร์ฟี่แผดเสียงขึ้นทันที
"ผมไม่ได้ฆ่าเขา" ผมตอบ และบอกจ่าเมอร์ฟี่แบบเดียวกับที่บอกตำรวจในห้องของ เบ็นนี่ กรีพ
"ผมไม่เชื่ออะไรที่คุณบอกผมนี่แม้แต่คำเดียว" จ่ากล่าว "คุณทำงานให้ใคร?"
"ขออภัย" ผมตอบ "ผมบอกคุณไม่ได้ว่าผมทำงานให้ใคร เท่าที่ผมรู้ ความตายของเบ็นนี่ กรีพ ไม่มีอะไรที่จะต้องดำเนินการกับผมหรือกับคนที่ผมทำงานให้"
ผมหยุดและมองไปที่จ่า ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปนั้นไม่เป็นความจริง ที่จริงแล้ว ผมคิดว่าความตายของเบ็นนี่ กรีพ นั้นเกี่ยวพันกับการหายตัวไปของอีเลน การ์ฟิลด์ แต่ผมไม่อาจบอกตำรวจได้ เฮเล็น การ์ฟิลด์ บอกไว้ว่าเธอไม่ต้องการให้ตำรวจรู้เรื่องการหายตัวไปของน้องสาวเธอ
จ่าเมอร์ฟี่มองตรงมาที่ตาของผม
"ผมเกลียดนักสืบเอกชนทุกคน" เขาพูดช้าๆ "และคุณเป็นนักสืบเอกชนที่ผมเกลียดที่สุด ผมไม่คิดว่าคุณพูดความจริง ผมคิดว่าคุณปิดบังอะไรบางอย่างกับผม ผมคิดว่าคุณรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับการตายของเบ็นนี่ กรีพ มากกว่าที่คุณบอก และคุณต้องบอกผมทุกอย่างที่คุณรู้ - เดี๋ยวนี้"
"ผมบอกคุณทุกอย่างที่ผมรู้ไปแล้ว" ผมตอบเบาๆ
จ่าเมอร์ฟี่หน้าแดง แดงขึ้นจนท่วมศีรษะล้านของเขา
"อย่าพยายามเล่นเกมกับผม" เขาแผดเสียง "ออกไปเดี๋ยวนี้"
"ตอนนี้ผมกลับบ้านได้หรือยัง?" ผมถาม
"ยัง" จ่าเมอร์ฟี่กล่าว
จ่าบอกตำรวจที่อยู่ตรงประตูให้พาผมกลับไปที่ห้องเล็กและปิดกุญแจขังผมไว้อีก
ผมไปกับตำรวจนายนั้นและไม่ได้โต้เถียงอะไร ผมไม่ชอบโต้เถียงกับตำรวจ เมื่อผมอยู่คนเดียวในห้องอีกครั้ง ผมนั่งลง ผมพยายามนึกถึงเรื่องอื่นที่ทำให้ผมวิตกกังวลก่อนหน้านี้ ใครบางคนเคยบอกเรื่องสำคัญบางอย่าง แต่ผมไม่อาจระลึกได้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร
บทที่สิบ
รถคันสีเหลือง
ผมดูนาฬิกาของผม มันเป็นเวลาห้าโมงครึ่ง ผมยังคงอยู่ที่สถานีตำรวจ ผมเจอจ่าเมอร์ฟี่อีกครั้งหนึ่งในบ่ายวันนั้น มันไม่ได้เป็นการพบปะที่น่ายินดี ผมไม่ได้บอกจ่าว่าผมทำงานให้ใคร และผมไม่ได้บอกเขาว่าทำไมผมจึงต้องการพูดกับเบ็นนี่ กรีพ
ห้าโมงครึ่ง ผมสงสัยว่าเฮเล็น การ์ฟิลด์ จะกำลังรอผมอยู่ที่สำนักงานหรือเปล่า
ทันใด ประตูห้องเปิดออก และจ่าเมอร์ฟี่ก็เข้ามา
"ออกไป" เขากล่าว "ผมตัดสินใจจะปล่อยตัวคุณ คราวนี้ก็ไปซะก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ"
ผมรีบไปก่อนที่จ่าเมอร์ฟี่จะเปลี่ยนใจ ขณะที่ผมนำรถออกจากโรงรถของตำรวจผมสงสัยว่าทำไมจ่าเมอร์ฟี่จึงได้ปล่อยตัวผมออกมา
ขณะที่ผมขับรถไปจากสถานีตำรวจ ผมสังเกตเห็นรถสีเหลืองคันเล็กๆ อยู่ข้างหลัง สักพักหนึ่งผมมองกระจกมองหลังอีกที รถสีเหลืองคันเล็กยังคงอยู่ข้างหลังผม ผมขับเร็วขึ้นอีกเล็กน้อยแล้วก็เลี้ยวขวาอย่างฉับพลันเข้าไปในถนนแคบๆ ที่ปลายถนนแคบๆ นั้นผมเลี้ยวซ้าย แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกที ไม่ช้าผมก็กลับออกมาที่ถนนสายหลัก ผมมองกระจกมองหลัง รถคันสีเหลืองยังคงอยู่ข้างหลังผม
ดังนั้น นั่นก็คือเหตุผลที่จ่าเมอร์ฟี่ปล่อยตัวผมออกมา จ่าสั่งให้ตำรวจบางคนตามผม พวกเขากำลังจะเฝ้าดูว่าผมทำอะไรและไปพบใคร
ผมขับรถตรงไปที่สำนักงาน ขณะที่ผมจอดรถอยู่ข้างนอก ผมสังเกตเห็นรถคันสีเหลืองหยุดอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม ผมวิ่งขึ้นบันไดและเข้าไปในสำนักงานของผม ประตูห้องด้านนอกเปิดอยู่ตามปกติ แต่ห้องว่างเปล่า
เฮเล็น การ์ฟิลด์ ไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่มีจดหมายอยู่บนโต๊ะ วางอยู่บนปึกนิตยสาร ผมหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน
เรียนคุณแซมมิวล์ที่นับถือ
ฉันมาที่นี่ตอนห้าโมงและรออยู่ แต่คุณไม่มา ฉันต้องพบคุณโดยด่วน พบฉันที่ลาสคาบานัส เวลา 11.30 คืนนี้
เฮเล็น การ์ฟิลด์
ผมเก็บจดหมายใส่กระเป๋าและดูนาฬิกา มันเพิ่งจะหกโมงกว่าเล็กน้อย ผมมีเวลาห้าชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะไปพบเฮเล็น การ์ฟิลด์ มีเวลามากพอที่จะไปที่อาคารแมนสันและพูดกับคนเฝ้าประตู ผมเข้าไปในรถไครสเลอร์แล้วขับไปยังอาคารแมนสัน รถสีเหลืองคันเล็กยังคงตามผมมา ขณะที่ผมขับรถผมคิดเรื่องจดหมายของเฮเล็น การ์ฟิลด์
'ทำไมเธอจึงต้องการพบผมที่ลาสคาบานัส?' ผมถามตัวเอง 'ที่จริงแล้วเธอรู้เรื่องลาสคาบานัสได้อย่างไรกัน? เธอบอกว่าเธออาศัยอยู่ที่นิวยอร์ค'
ผมจะต้องถามอะไรมิสเฮเล็น การ์ฟิลด์ สักสองสามอย่างเมื่อผมเจอเธอคราวหน้า
แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องหนีให้พ้นรถคันสีเหลืองที่ยังคงตามผมมา ผมกำลังจะไปยังอาคารที่อีเลน การ์ฟิลด์ อาศัยอยู่ และผมไม่ต้องการให้ตำรวจรู้
มีชายสองคนอยู่ในรถคันสีเหลือง ผมเลี้ยวขวา และรถคันสีเหลืองก็ตามมา ผมหยุดรถ และรถคันสีเหลืองก็หยุด ผมกลับรถไครสเลอร์ และรถคันสีเหลืองก็กลับรถ ผมพยายามขับให้เร็วกว่ารถคันสีเหลือง แต่รถไครสเลอร์ของผมมันเก่าเกินไปและก็วิ่งช้าเกินไป
ผมขับช้าลงและรอจนกระทั่งผมเข้าใกล้ไฟสัญญาณจราจรที่อยู่ถัดไป ทันใดขณะที่สัญญาณไฟเพิ่งจะเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง ผมก็ขับฝ่าไป รถคันสีเหลืองช้าไป สัญญาณไฟเป็นสีแดงแล้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้รถหยุด มันฝ่าสัญญาณไฟแดงตรงเข้ามา
ครั้นแล้ว ขณะที่ผมมองกระจกมองหลังอย่างโมโหก็มีบางอย่างเกิดขึ้นซึ่งทำให้ผมหัวเราะ ตำรวจนายหนึ่งขี่จักรยานยนต์ตามรถคันสีเหลือง ตำรวจสั่งให้คนขับหยุดรถเพราะเขาขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง
ผมขับรถจากไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ในกระจกมองหลัง ผมเห็นคนขับที่อยู่ในรถโต้เถียงกับตำรวจที่ขี่จักรยานยนต์ มันเป็นภาพที่ตลกที่สุดที่ผมเคยเห็นนับแต่นานมาแล้ว ผมขับรถต่อไป มุ่งไปยังอาคารแมนสัน รู้สึกสบายใจที่หนีพ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นผมน่าจะร้องเพลงสักหน่อยเพราะผมกำลังรู้สึกดี
บทที่สิบเอ็ด
ไปเยือนอาคารแมนสันชั่วครู่
ขณะที่ผมขับรถอย่างสบายอกสบายใจไปยังอาคารแมนสันก็มีเรื่องให้ผมต้องประหลาดใจ ผมมองกระจกมองหลัง รถคันสีเหลืองกำลังตามหลังผมมาอย่างเร็ว
ผมขับเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แต่รถคันสีเหลืองก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดนั้นสุนัขตัวหนึ่งวิ่งข้ามถนนตัดหน้าไครสเลอร์ ผมหยุดรถกะทันหัน เสียงยางล้อดังแสบแก้วหูขณะที่ไครสเลอร์หยุดลงทันใดเพื่อไม่ให้ชนสุนัข แล้วก็มีเสียงยางล้อรถอีกคันดังขึ้นมาขณะที่คนขับรถคันสีเหลืองพยายามที่จะหยุดรถ
มีเสียงชนดังสนั่น และเกิดการกระแทกขณะที่รถสีเหลืองคันเล็กวิ่งตรงเข้ามายังท้ายรถไครสเลอร์สีเทาบุโรทั่งคันใหญ่ของผม ชายสองคนในรถคันสีเหลืองไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ด้านหน้ารถของพวกเขาพังยับ น้ำมันเครื่องและน้ำไหลออกมานองถนน ไครสเลอร์บุโรทั่งไม่เสียหายแต่อย่างใด ผมลงจากรถและเดินย้อนไปที่รถคันสีเหลือง
"คุณน่าจะระวังให้มากกว่านี้นะ" ผมกล่าวกับคนขับ "คุณขับรถอันตรายมาก โชคดีของคุณที่รถผมไม่เสียหายมาก"
"แต่...แต่..." คนขับเริ่มพูด แต่ผมไม่รอฟัง
ผมวิ่งกลับไปที่ไครสเลอร์ โดดขึ้นแล้วขับออกไป ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นรถคันสีเหลืองเป็นตอนที่ชายสองคนกำลังเข็นมันเข้าไปไว้ข้างถนน
ไม่นานผมก็มาถึงอาคารแมนสัน แล้วผมก็เข้าไปในห้องโถงเพื่อจะหาคนเฝ้าประตู ผมไม่เห็นเขาอยู่ที่ใด แล้วผมก็สังเกตุเห็นประตูที่มีป้ายระบุว่า 'คนเฝ้าประตู' ผมเคาะเบาๆ แต่ไม่มีใครขานรับ ผมเปิดประตูช้าๆ และมองเข้าไปในห้อง
คนเฝ้าประตูนั่งหลับอยู่ที่โต๊ะของเขา เท้าพาดอยู่บนโต๊ะและเขากำลังเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ ผมเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วและเงียบกริบแล้วปิดประตู ผมเข้าไปที่โต๊ะและสังเกตุเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ข้างโทรศัพท์ มีหมายเลขโทรศัพท์เขียนอยู่บนกระดาษ - 323.0313
'ลาสคาบานัส' ผมพูดกับตัวเอง 'นั่นเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของไนท์คลับนั่น'
ผมออกมาจากห้องโดยที่ไม่ได้ปลุกคนเฝ้าประตู ผมพบความจริงในเรื่องที่ผมอยากรู้แล้ว ชายสองคนที่ทุบหัวผมอาจจะมาจากลาสคาบานัส คนเฝ้าประตูต้องเป็นคนโทรศัพท์บอกพวกเขาแน่ๆ ตอนที่ผมขึ้นไปที่ห้องของอีเลน การ์ฟิลด์
ตอนนี้ผมสนใจในลาสคาบานัสเป็นอย่างมาก อีเลน การ์ฟิลด์ เคยไปเต้นรำที่นั่นกับซูซี่ เบ็นนี่ กรีพ ทำงานที่นั่นก่อนถูกฆ่า เฮเล็น การ์ฟิลด์ ต้องการพบผมที่นั่นตอนห้าทุ่มครึ่ง และตอนนี้คนเฝ้าประตูและชายสองคนที่ทุบหัวผมมีส่วนเกี่ยวพันกับลาสคาบานัส
ผมกลับบ้าน อาบน้ำ เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย และรับประทานอาหาร ตอนห้าทุ่มผมออกไปอีก ผมกำลังจะไปที่ลาสคาบานัส
มีรถหลายคันจอดอยู่ข้างนอก และผมต้องจอดไครสเลอร์ไว้ห่างจากไนท์คลับออกมามาก ขณะที่ผมเดินไปยังทางเข้าลาสคาบานัส ฝนเริ่มตกลงมาอย่างหนัก ผมเคาะประตู แล้วช่องเล็กๆ ที่ประตูก็เปิดออก มีใบหน้าใครคนหนึ่งโผล่มามองดูผมอยู่สักพัก แล้วประตูก็เปิด และผมก็เข้าไปข้างใน คลับไม่ได้ดูว่างเปล่าและสกปรกอีกแล้ว แสงไฟนวลๆ และดนตรีหวานๆ ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของคลับไปทั้งหมด ผมยืนมองไปรอบๆ มีฟลอร์เต้นรำเล็กๆ ซึ่งมีคนไม่กี่คนกำลังเต้นรำกันอยู่
วงดนตรีเป็นวงเล็กๆ และไม่ได้ดีมากมายอะไรนัก มีมือกลองคนใหม่มาแทนเบ็นนี่ กรีพ รอบๆ ฟลอร์เต้นรำมีคนหลายกลุ่มนั่งอยู่รอบโต๊ะเตี้ยๆ ทางด้านขวาของฟลอร์เต้นรำมีโต๊ะอยู่มากกว่าซึ่งมีผู้คนกำลังรับประทานอาหาร มีประตูสองบานอยู่หลังโต๊ะซึ่งเปิดไปสู่ห้องครัว ผมนั่งลงที่โต๊ะข้างฟลอร์เต้นรำในบริเวณที่มืดที่สุดของห้อง และรอ
บทที่สิบสอง
ลาสคาบานัส
ตอนห้าทุ่มครึ่งพอดี เฮเล็น การ์ฟิลด์ เข้ามาในไนท์คลับ เธอดูสวยเหมือนเช่นเคย แต่ดูเหมือนจะมีความวิตกกังวลอยู่เล็กน้อย ตาสีฟ้าของเธอมองไปรอบๆ จนกระทั่งเธอเห็นผม จากนั้น ด้วยรอยยิ้มนิดๆ เธอเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ เธอนั่งถัดจากผมโดยหันหลังให้ฟลอร์เต้นรำ เธอถือกระเป๋าใบหนึ่งซึ่งเธอวางลงบนพื้นข้างๆ เธอ รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเธอ
"คุณอยู่ที่ไหนเมื่อตอนบ่าย คุณแซมมิวล์?" เธอพูดอย่างก้าวร้าว "ฉันจ้างคุณวันละห้าสิบดอลล่า การตอบแทนเงินจำนวนนั้นฉันต้องการให้คุณทำในสิ่งที่ฉันบอกคุณไป แล้วทำไมคุณไม่อยู่ที่สำนักงานเมื่อตอนบ่ายห้าโมงวันนี้?"
ผมหายใจลึก
"เอาละ คุณการ์ฟิลด์" ผมกล่าว "เรื่องมันยาว มาดื่มกันก่อนแล้วผมจะบอกคุณทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้น"
บริกรชายผู้หนึ่งเข้ามาหาและผมสั่งเครื่องดื่ม
เมื่อบริกรไปแล้ว สาวสวยผมบลอนด์ก็พูดขึ้น "ว่าไงล่ะ คุณแซมมิวล์ บอกฉันซิ"
"ได้" ผมกล่าว "แต่หยุดเรียกผมว่าคุณแซมมิวล์เถอะ เรียกผมว่าเล็น - เพื่อนผมทุกคนเรียกผมว่าเล็น"
"ฉันไม่ใช่เพื่อนของคุณ คุณแซมมิวล์" สาวผมบลอนด์กล่าวด้วยเสียงที่เย็นเป็นน้ำแข็ง "ฉันจ้างคุณเป็นเงินจำนวนมากเพื่อให้คุณทำงานให้ฉัน"
"วันละห้าสิบดอลล่าไม่ได้อนุญาตให้คุณมาหยาบคายกับผม" ผมตอบเบาๆ "ในยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมโดนทุบหัว และตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม"
"คุณหมายความว่าอะไร?" หญิงสาวกล่าว และเอียงตัวมาทางผม "ฆาตกรรมหรือ?"
ทันใดนั้น บริกรก็นำเครื่องดื่มมาให้ และเราก็นั่งเงียบจนกระทั่งเขากลับไปแล้ว ผมจึงบอกเฮเล็น การ์ฟิลด์ เรื่องที่ผมไปที่ห้องของน้องสาวเธอที่อาคารแมนสัน ผมบอกเธอเรื่องชายสองคนที่เล่นงานผมที่นั่น เฮเล็น การ์ฟิลด์ ฟังอย่างเงียบๆ
"คุณชอบวงดนตรีไหม? มิสการ์ฟิลด์" ผมถาม
"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยเรื่องวงดนตรี" สาวผมบลอนด์กล่าวอย่างโมโห
"คืนนี้วงดนตรีมีมือกลองคนใหม่" ผมกล่าว "เพราะผมพบมือกลองคนเก่าตายอยู่ในอ่างอาบน้ำเมื่อเช้านี้"
สาวผมบลอนด์หันไปข้างหลังอย่างรวดเร็วและมองดูวงดนตรี เธอพูดบางอย่างกับตัวเองซึ่งผมไม่ได้ยิน เธอยกมือขวาขึ้นลูบผมของเธอ เธอดูเศร้าและวิตกกังวลมาก
"ชื่ออะไร... มือกลองคนนั้น ... คนที่ตายนั้นชื่ออะไร?" เฮเล็น การ์ฟิลด์ ถาม
"กรีพ" ผมกล่าว "เบ็นนี่ กรีพ ผมจะไม่ทึกทักว่าคุณรู้จักเบ็นนี่ กรีพ หรอกนะครับ หรือว่าคุณรู้จัก?"
เฮเล็น การ์ฟิลด์ สั่นศีรษะ
"ไม่" เธอกล่าว
ผมเล่าให้เธอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นที่สถานีตำรวจ แล้วผมก็บอกเธอเรื่องตำรวจที่ขับรถคันสีเหลืองตามผม
"คุณคิดว่าพวกเขายังตามคุณอยู่หรือเปล่า?" สาวผมบลอนด์ถามโดยเร็วและมองไปรอบๆ คลับ
ผมเล่าให้เธอฟังว่าผมหนีการติดตามจากรถคันสีเหลืองมาได้อย่างไร
"ทีนี้ มิสการ์ฟิลด์" ผมกล่าวต่อ "ถึงตาผมแล้วที่จะถามอะไรคุณสักหน่อย มีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องสาวคุณที่ทำให้ผมวิตกกังวล ผมอยากจะถามคุณเรื่องนั้น"
"ค่ะ" เธอกล่าว "แต่ฉันไม่คิดว่าจะช่วยอะไรคุณได้ ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิถีชีวิตของอีเลนที่นี่ ฉันไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับลอสแองเจลิสเช่นกัน"
ผมเอนหลังพิงเก้าอี้และมองดูเธอ ผมชอบสิ่งที่ผมเห็น สาวสวยผมบลอนด์ผู้นี้จ้างผมวันละห้าสิบดอลล่าเพื่อให้ตามหาน้องสาวเธอ ครั้นแล้ว ด้วยเสียงแผ่วเบา ผมเริ่มถามบางอย่างกับเฮเล็น การ์ฟิลด์
"คุณไม่รู้จักลอสแองเจลิสมากเท่าไหร่ใช่ไหม?" ผมเริ่มถาม
"ถูกแล้ว" หญิงสาวตอบ
"แต่คุณสามารถหาที่ทำงานของอีเลนจนพบได้" ผมถามต่อ "และคุณไปที่มายเยอร์แอนด์มายเยอร์เมื่อวันอังคารที่แล้วเพื่อจะถามคนที่นั่นว่าพวกเขารู้อะไรเกี่ยวกับอีเลนบ้าง"
"ใช่" หญิงสาวกล่าว และจับตามองผมอย่างพินิจพิจารณา
"คุณพูดกับใครที่มายเยอร์แอนด์มายเยอร์?" ผมถาม "ซูซี่ใช่ไหม?"
"ไม่ใช่" หญิงสาวกล่าว "ฉันพูดกับคุณมายเยอร์"
"ผมอยากถามอะไรคุณอีกอย่าง" ผมกล่าว "ตอนที่ผมไปที่ห้องของอีเลน ผมสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ มีเสื้อผ้าน้อยมากในตู้เสื้อผ้า มันดูเหมือนว่าน้องสาวคุณวางแผนจะหายตัวไปอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง เธอเอาเสื้อผ้าของเธอไปด้วย"
"อ้อ... ค่ะ" หญิงสาวกล่าวและมองดูรอบๆ ไนท์คลับ
ผมรอจนกระทั่งเธอกลับมามองที่ผม
"คุณชอบที่นี่ไหม?" ผมถาม
"ค่ะ" เธอตอบ
"ผมก็ชอบเหมือนกัน" ผมกล่าว "แต่มีอะไรอย่างอื่นอีกที่ก่อความวิตกกังวลให้ผม คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะถามอะไรคุณอีกอย่างหนึ่ง?"
"ไม่เลยค่ะ" หญิงสาวกล่าว
"เอาละ" ผมเริ่มถาม "ผมสงสัยว่าทำไมคุณจึงขอให้ผมมาพบคุณที่นี่ ที่ลาสคาบานัส"
เฮเล็น การ์ฟิลด์ ดันเก้าอี้ของเธอไปข้างหลังและลุกขึ้นยืน
"ฉันขอตัวสักครู่ได้ไหมคะ?" เธอกล่าว
เธอหยิบกระเป๋าถือของเธอขึ้นมาจากพื้นและเดินไปที่ห้องสุขาหญิงที่อยู่ใกล้ทางเข้า
"คุณอยากได้เครื่องดื่มอะไรเพิ่มอีกไหมครับ?" ผมตะโกนถามตามหลังเธอ
"ค่ะ ขอบคุณ" เธอตะโกนข้ามไหล่กลับมา ผมสั่งเครื่องดื่มอีกสองที่แล้วนั่งพิงเก้าอี้ ผมมองไปรอบๆ ไนท์คลับ มันเกือบเที่ยงคืนแล้ว
บทที่สิบสาม
เฮเล็น การ์ฟิลด์ กลับออกไป
ผมนั่งอยู่ข้างๆ ฟลอร์เต้นรำในลาสคาบานัส รอเฮเล็น การ์ฟิลด์ กลับมาจากห้องสุขา ผมกำลังรอให้เธอตอบคำถามของผม ผมอยากรู้ว่าทำไมเธอจึงขอให้ผมมารอเธอที่นี่ ผมมองไปรอบๆ ดูผู้คนที่กำลังเต้นรำกันอยู่
ตรงอีกฟากหนึ่งของฟลอร์เต้นรำ ผมสามารถมองเห็นผู้คนกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ บริกรกำลังยกอาหารเข้าออกประตูสองบานที่เปิดไปสู่ห้องครัว
ผมดูนาฬิกาอีกที มันเป็นเวลาห้าทุ่มยี่สิบนาที เฮเล็น การ์ฟิลด์ ใช้เวลานาน ผมดื่มจนหมดแก้วและสั่งเพิ่มอีก
ตอนเที่ยงคืนสิบนาที ผมลุกขึ้นเดินไปที่ทางเข้า มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างประตูหน้าของไนท์คลับ ผมถามเขาว่าเห็นเฮเล็นไหม
"สาวสวยผมบลอนด์ที่มีนัยน์ตาสีฟ้าหรือครับ?" ชายผู้นั้นถาม
"ใช่ครับ" ผมกล่าว
"เธอออกไปเมื่อเกือบสิบห้านาทีมาแล้ว" ชายผู้นั้นกล่าว
"คุณแน่ใจหรือครับ?" ผมถาม
"ครับ" ชายผู้นั้นตอบ "เธอขอให้ผมเรียกแท็กซี่ให้"
"คุณได้ยินเธอบอกที่อยู่กับแท็กซี่ไหมครับ?" ผมถามรัว
ชายผู้นั้นสั่นศีรษะ
"ไม่ครับ" เขากล่าว "ผมเสียใจด้วยนะครับ"
ผมกล่าวขอบคุณชายผู้นั้นแล้วเดินกลับมายังที่นั่งของผม
ทำไมเฮเล็น การ์ฟิลด์ จึงกลับไปโดยไม่บอกผม? ผมถามตัวเอง บางทีคำถามบางอย่างที่ผมถามเธออาจจะทำให้เธอโกรธ
ทันใดนั้น ผมเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นชายผู้หนึ่งเดินข้ามฟลอร์เต้นรำเข้ามาหาผม ผมจำชายคนนั้นได้ เขาตัวเตี้ย ผมสีแดง เขามองมาที่ผมและยิ้มในแบบที่ค่อนข้างจะไม่เป็นมิตร มันคือโจ - หนึ่งในผู้ชายที่เจอผมในห้องของอีเลน การ์ฟิลด์
ผมตัดสินใจที่จะกลับ ผมลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ผมไม่ต้องการพบโจอีก ขณะที่ผมเดินไปที่ประตู ผมคิดว่าผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งตะโกน
"ขออภัยครับ" มีเสียงพูดขึ้น
ผมไม่ได้หยุดหรือหันไปมอง แล้วผมก็ได้ยินเสียงนั้นอีก
"ขออภัยครับ คุณยังไม่ได้จ่ายเงิน"
ผมลืมจ่ายค่าเครื่องดื่ม บริกรวิ่งมาหาผม และผมรีบควักเงินสิบดอลล่าออกมายื่นให้บริกร
"คุณเก็บเงินทอนไว้ได้เลยครับ" ผมกล่าวขณะที่ยื่นเงินให้เขา
โดยไม่รอคำตอบ ผมหันกลับและรีบเดินไปที่ประตู
แล้วผมก็ได้ยินเสียงบริกรอีก
"ขออภัยครับ ขออภัยครับ" เขากล่าว
ผมหยุดและหันกลับไป บริกรเข้ามาหาผม
"ขออภัยครับ สิบดอลล่าไม่พอครับ" เขากล่าว "ค่าเครื่องดื่มของคุณ สิบสองดอลล่าครับ"
"ลาสคาบานัสนี่มันแพงเหลือเกิน" ผมกล่าวขณะที่ยื่นเงินให้บริกรอีกห้าดอลล่า "ทีนี้คุณก็เก็บเงินทอนไว้ได้แล้วนะครับ"
แล้วผมก็เลิกคิดถึงเรื่องเงิน โจกำลังเดินมาหาผมอย่างรวดเร็ว ผมหันกลับแล้ววิ่งไปที่ประตูเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ผมไปถึงประตูและกำลังจะออกจากลาสคาบานัสอยู่แล้ว ผมสบายใจเพราะหนีมาได้
แล้วผมก็พบกับความประหลาดใจ ที่นั่น คนที่ยืนอยู่ข้างประตูไนท์คลับคือสหายโย่งของโจ มันเป็นคนเดียวกันกับคนที่ทุบหัวผมในห้องของมิสการ์ฟิลด์ ชายร่างสูงเห็นผมกำลังมา ก็เลยมาดักรอที่หน้าประตู ตอนนี้ผมออกไปไม่ได้
บทที่สิบสี่
การต่อสู้
ผมหยุดและมองไปด้านหลัง โจใกล้เข้ามาแล้วและรอยยิ้มบนใบหน้าก็ดูท่าจะมุ่งร้ายเอามากๆ ผมโดนเล่นงานแล้ว ผมออกประตูไปไม่ได้ และโจก็อยู่ทางด้านหลังผมพอดี
ผมหันกลับโดยพลันและวิ่งเข้าใส่โจ ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัวผมโอบแขนรอบตัวเขาแล้วออกเต้นรำ เขาประหลาดใจมากและพยายามจะดึงตัวออกห่าง แต่เขาไม่สามารถขัดขืนได้ถนัด เขากลัวว่าคนอื่นๆ จะสังเกตุเห็น
ผมมองข้ามไหล่ไปและเห็นชายร่างสูงกำลังยืนอยู่ข้างฟลอร์เต้นรำโดยที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ผมผลักโจเข้าไปกลางฟลอร์เต้นรำซึ่งมีคนอื่นๆ อีกหลายคนกำลังเต้นรำกันอยู่
จากนั้นผมก็รู้สึกว่ามีอะไรแหลมๆ จ่อหลังผม มันคือมีด "เลิกทำตลกได้แล้วแซมมิวล์" โจกล่าวอย่างโมโห "หยุดเต้นรำแล้วไปที่ประตู ไม่งั้นฉันจะดันมีดนี่เข้าไปในตัวแก"
เราอยู่ตรงกลางของฟลอร์เต้นรำพอดี และอยู่ห่างจากชายร่างสูง โจกำลังถือมีดจ่อหลังผม คนอื่นที่อยู่รอบๆ เรา บางคนหยุดเต้นรำ พวกเขากำลังจ้องมองดูภาพผู้ชายสองคนกำลังเต้นรำกันด้วยความประหลาดใจ
ผมยกเท้าเตะขาโจแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มลงบนฟลอร์ ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาช่องทางวิ่งหนี สหายโย่งของโจกำลังแหวกผู้คนที่มาเต้นรำตรงเข้ามาหาผม
ผมหันกลับแล้ววิ่งออกจากฟลอร์เต้นรำ ผมหันมองข้ามไหล่กลับไปดู เห็นทั้งโจและเพื่อนกำลังตามมา
ผมวิ่งไปในระหว่างโต๊ะที่ผู้คนกำลังรับประทานอาหารกันอยู่ พื้นนั้นลื่นและผมก็หกล้มกระแทกลงบนโต๊ะ จานอาหารและแก้วหล่นใส่ตัวผม
ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งออกไปทางประตูครัวบานหนึ่ง ผมหยุดและนับถึงห้า
ขณะที่โจและสหายโย่งของเขากำลังเข้ามาที่ประตู ผมผลักประตูปิดอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีเสียงกระแทกดังโครมใหญ่ขณะที่ชายทั้งสองวิ่งเข้ามาที่ประตู
ผมยิ้มและหันกลับ แต่ผมยิ้มอยู่ได้ไม่นานนัก พ่อครัวสามคนกำลังตรงรี่มาที่ผมพร้อมกับมีดทำครัวเล่มใหญ่ในมือ
ผมมองดูพ่อครัวและมีดที่พวกเขากำลังถืออยู่ ผมกำลังคิดว่าจะวิ่งเข้าใส่พวกเขาแล้วพยายามต่อสู้ ผมตัดสินใจว่านั่นเป็นความคิดงี่เง่าที่พยายามจะสู้กับชายร่างใหญ่สามคนที่มีมีด
ทางซ้ายของผมมีกระทะด้ามจับก้นลึกใบใหญ่มากตั้งอยู่บนเตา มีซุปกำลังเดือดอยู่เต็มกระทะ ผมยกขึ้นมาโยนใส่พ่อครัว มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่ซุปร้อนๆ โดนชายทั้งสามคน
ทันใดนั้น ประตูที่อยู่ข้างหลังผมก็เปิดออก โจกับสหายโย่งของเขายืนอยู่ที่ประตู และชายร่างสูงนั้นกำลังถือปืนอยู่
มีเสียงดังปังขณะที่ปืนลั่นออกมา ตามด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดจากพ่อครัวคนหนึ่ง เพราะชายร่างสูงยิงพลาดไปโดนเท้าของเขา
ผมรีบหยิบจานสกปรกกองโตขึ้นมาขว้างไปที่โจ เขาเห็นจานลอยมาและพยายามขยับหนี ขณะที่ขยับเขาลื่นล้มลงบนพื้นลงไปทับกองเศษจานที่แตกอยู่
โดยไม่รอช้า ผมวิ่งไปที่ประตูที่อยู่ด้านหลังครัว ประตูปิดกุญแจไว้ ผมใช้ไหล่กระแทกประตู กุญแจหักไปอย่างง่ายดาย แล้วผมก็ผลักประตูเปิดออก ขณะที่ผมวิ่งออกไปที่ถนนมืดๆ ผมยังคงได้ยินเสียงตะโกนและเสียงร้องออกมาจากคลับ
ผมมาที่ไครสเลอร์ และก้มลงจะเปิดประตู ในตอนนั้นก็มีเสียงมาจากด้านหลังผม ผมหันกลับไปและเห็นชายผู้หนึ่งชูแขนขึ้น แล้วผมก็รู้สึกเจ็บหัวเป็นอย่างยิ่ง ทุกสิ่งดำมืด ผมล้มลงบนพื้น หมดสติ
บทที่สิบห้า
สถานีตำรวจ
"ค่อยยังชั่วขึ้นหรือยังล่ะ?" มีเสียงถามขึ้นมา
ผมลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ ผมไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผมกำลังนอนอยู่บนอะไรบางอย่างที่แข็ง และมีแสงจ้าส่องมาที่ตาผม
"ผมอยู่ที่ไหน?" ผมถาม
แล้วผมก็รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน ผมจำฝาผนังสีเทาและเครื่องเรือนแข็งๆ กับแสงไฟฟ้าสว่างจ้านั้นได้ ผมอยู่ที่สถานีตำรวจอีกแล้ว
"ค่อยยังชั่วขึ้นหรือยังล่ะ?" มีเสียงถามขึ้นมาอีก
ผมมองดูตำรวจที่กำลังพูดกับผม
"ครับ" ผมพูดช้าๆ "แต่หัวผมรู้สึกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง"
"คุณโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่" ตำรวจนายนั้นกล่าว "รถตำรวจพบคุณกำลังนอนอยู่กลางถนนโกลเด้น คุณจะถูกรถที่ขับผ่านมาแถวนั้นทับตายเอาได้ถ้ารถตำรวจไม่ไปเจอคุณ"
ผมนึกอยู่ชั่วขณะ ผมไม่แน่ใจว่าตำรวจรู้อะไรมากแค่ไหน ผมไม่ต้องการบอกอะไรก็ตามที่ตำรวจยังไม่รู้
"ครับ ผมโชคดี" ผมกล่าว "อ้อ แล้วรถตำรวจไปทำอะไรอยู่ที่ถนนโกลเด้นหรือครับ?"
"โอ้" ตำรวจนายนั้นกล่าว "มีการต่อสู้กันยกใหญ่ที่ไนท์คลับชื่อลาสคาบานัส เราได้รับโทรศัพท์แจ้งว่ามีคนบ้าอยู่ในคลับนั้น เจ้าคนบ้านั่นทำข้าวของพังพินาศหมด รถตำรวจถูกส่งไปที่ไนท์คลับ แต่คนบ้านั่นหนีไปเสียก่อนที่ตำรวจจะไปถึง รถตำรวจกำลังกลับมาตอนที่เจอคุณนอนอยู่กลางถนน คุณโชคดีมาก รถเกือบจะทับคุณเข้าไปแล้ว
ผมยิ้ม
"ผมไม่รู้สึกว่าโชคดีมากนักหรอกครับ" ผมตอบ "ที่จริงแล้วผมรู้สึกสยองเหลือเกิน"
"อย่าไปคิดอะไรมากเลย" ตำรวจนายนั้นกล่าว "คุณเดินได้รึเปล่า?"
ผมยืนขึ้นและเดินไปสองสามก้าว หัวผมเจ็บ แต่อย่างอื่นแล้วผมรู้สึกว่าไม่เป็นอะไร
"ครับ" ผมกล่าว "ผมเดินได้"
"ดี" ตำรวจนายนั้นกล่าว "เดินไปตามโถงทางเดินกัน แล้วก็ไปคุยกับเพื่อนของคุณ"
เราเดินไปตามโถงทางเดิน ตำรวจนายนั้นหยุดที่ประตูแล้วเคาะ มีเสียงตะโกนมาจากในห้อง แล้วตำรวจนายนั้นก็เปิดประตู ผมเดินเข้าไปในห้องและตำรวจนายนั้นตามเข้ามา เขาปิดประตูและยืนอยู่ข้างหน้าประตูนั้น
มีโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียวในนั้น ข้างหลังโต๊ะเป็นชายผู้หนึ่ง ศีรษะล้าน เป็น 'เพื่อนเก่า' ของผมเอง จ่าเมอร์ฟี่
"สวัสดี จ่าเมอร์ฟี่" ผมกล่าว พยายามจะยิ้ม "รู้สึกอย่างไรบ้างครับคืนนี้?"
จ่าเมอร์ฟี่ไม่ได้ยิ้มตอบผม
"คุณพยายามจะทำตลกหรือเปล่า?" เขาถาม "มันไม่ใช่กลางคืน มันเช้าแล้ว คุณหมดสติอยู่ตลอดคืน"
"โอ้" ผมกล่าว
"ทีนี้" จ่าเมอร์ฟี่กล่าว "มาเริ่มว่ากันเถอะ ผมต้องการให้คุณบอกผมว่าทำไมคุณจึงไปนอนหมดสติอยู่กลางถนนโกลเด้นตอนเที่ยงคืนครึ่งเมื่อคืนนี้ คุณเป็นตัวอันตรายต่อการจราจรนะ"
"ผมนึกว่าการจราจรเป็นอันตรายต่อผมซะอีก" ผมตอบ แต่จ่านั้นแม้แต่จะยิ้มก็ยังไม่ยอม
"ผมกำลังรอให้คุณบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้น" จ่าพูดขึ้น
"ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากเท่าไหร่หรอกครับ" ผมเริ่มเล่า "ผมใช้เวลาตอนค่ำส่วนหนึ่งไปเที่ยวที่ลาสคาบานัส แล้วก็ออกมาก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย ผมเดินกลับไปที่รถของผม แล้วขณะที่ผมกำลังจะเข้าไปในรถ ใครบางคนตีหัวผม นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้"
"คุณตำรวจท่านนี้" ผมชี้ไปที่คนที่ยืนอยู่ที่ประตู "บอกผมว่าผมถูกพบอยู่กลางถนน ใครบางคนอาจเอาตัวผมไปวางไว้ที่นั่น"
จ่าเมอร์ฟี่ยิ้ม
"ใช่" เขากล่าว "ใครบางคนที่อยากฆ่าคุณเอาตัวคุณไปไว้กลางถนน ใครบางคนหวังว่าจะมีรถมาทับคุณตาย"
ผมยิ้มตอบให้จ่า
"คุณคิดออกไหมว่าใครอยากจะฆ่าคุณ?" จ่าถามผม
"อ๋อ ครับ" ผมตอบ "มีคนเป็นร้อยที่อยากฆ่าผม รวมทั้งตำรวจสองสามคนด้วย"
บทที่สิบหก
บอกความจริงผมมา
"คุณออกจากลาสคาบานัสก่อนเที่ยงคืนหรือ?" จ่าเมอร์ฟี่ถาม
"ถูกแล้วครับ" ผมตอบ "ผมออกจากไนท์คลับก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย"
"ฉะนั้นคุณก็ไม่ได้อยู่ที่ลาสคาบานัส ตอนที่เริ่มมีการต่อสู้กันยกใหญ่หลังเที่ยงคืนเล็กน้อยใช่ไหม?" จ่าถาม
"การต่อสู้กันยกใหญ่หรือครับ?" ผมถาม พยายามทำให้ดูเหมือนว่าประหลาดใจ
"อย่าทำเป็นประหลาดใจให้มากนักเลย" จ่าเมอร์ฟี่กล่าวอย่างโมโห "เราได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเจ้าของลาสคาบานัส เขาแจ้งเราตอนหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ว่าชายร่างสูงผมสีน้ำตาลตาสีน้ำตาลชื่อเล็นนี่ แซมมิวล์ เข้าไปรุกรานชายสองคนในคลับ เจ้าของคลับบอกว่าหลังจากนั้นคุณยังเข้าไปรุกรานพ่อครัวสามคนและทำให้พวกเขาบาดเจ็บ แล้วคุณก็ทำจานกว่าร้อยใบและโต๊ะหนึ่งตัวแตกหักเสียหายและทำลายอาหารมูลค่าหลายร้อยดอลล่า"
ผมไม่พูดอะไร ผมคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี
"คุณทำอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า?" จ่าเมอร์ฟี่ถามด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป ดูเหมือนว่าจ่าจะประหลาดใจ และพอใจ "คุณทำทุกอย่างนั้นคนเดียวหรือว่าคุณมีคนมาช่วยคุณทำด้วย?"
"ผมทำเองคนเดียวครับ" ผมกล่าว เริ่มรู้สึกภูมิใจในตนเองขึ้นมาเล็กน้อย
"คุณรู้ไหมว่าคุณอาจติดคุกหกเดือนสำหรับการกระทำของคุณเมื่อคืนนี้?" จ่าถาม เขาหัวเราะขณะที่พูดประโยคนั้นออกมา
ผมไม่หัวเราะ ผมไม่เห็นอะไรที่น่าขบขันในเรื่องการติดคุกหกเดือน
"ดูนะ" จ่าเมอร์ฟี่กล่าว "ผมไม่ได้โง่"
ผมเห็นด้วยกับจ่าว่าเขาไม่ได้โง่
"ผมไม่ได้โง่" จ่าเมอร์ฟี่กล่าวซ้ำ "และผมรู้ว่าทำไมคุณจึงอยู่ที่ลาสคาบานัสเมื่อคืนนี้ เบ็นนี่ กรีพ เคยทำงานที่นั่น และคุณไปเพื่อหาความจริงเกี่ยวกับการตายของเขา"
ผมเห็นด้วยกับจ่าอีกครั้ง ดูเหมือนนั่นจะเป็นสิ่งดีที่สุดที่ควรทำ
"ทีนี้นะ" จ่าเมอร์ฟี่พูดช้าๆ "ผมสนใจในลาสคาบานัส คลับนั้นมีเจ้าของเป็นกลุ่มอาชญากร แต่เราพิสูจน์ไม่ได้ว่าพวกมันทำผิดกฎหมาย ผมยังสนใจในเรื่องการฆาตกรรมเบ็นนี่ กรีพ อีกด้วย ทีนี้ สิ่งที่ผมจะแนะนำก็คืออย่างนี้ บอกผมทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับลาสคาบานัสและเบ็นนี่ กรีพ แล้วผมจะปล่อยคุณไป ถ้าคุณบอกผมทุกอย่างที่คุณรู้ คุณจะไม่ต้องไปเข้าคุกเพราะเหตุทะเลาะวิวาทต่อสู้กันที่ไนท์คลับ แต่ผมต้องการความจริง ไม่ใช่เรื่องโกหกดังเช่นที่คุณบอกผมเมื่อวานนี้"
ผมหายใจลึกและเริ่มบอกจ่าเรื่องที่ผมรู้ ผมบอกเขาทุกอย่างยกเว้นอีเลน การ์ฟิลด์ ผมไม่แน่ใจว่าอีเลน การ์ฟิลด์ เกี่ยวพันใกล้ชิดเพียงใดกับการตายของเบ็นนี่ กรีพ ดังนั้นผมจึงบอกจ่าว่าเฮเล็น การ์ฟิลด์ จากนิวยอร์คขอให้ผมหาความจริงเกี่ยวกับลาสคาบานัส
จ่าเมอร์ฟี่ให้ผมบอกที่อยู่ของเฮเล็น การ์ฟิลด์ ในนิวยอร์ค ผมบอกว่าผมไม่รู้ ดังนั้นจ่าจึงถามผมว่าเฮเล็น การ์ฟิลด์ พักอยู่ที่ไหนในลอสแองเจลิส ผมบอกว่าผมไม่รู้
ผมบอกจ่าเมอร์ฟี่ทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับเบ็นนี่ กรีพ ยกเว้นเรื่องที่มือกลองผู้นั้นรู้จักอีเลน การ์ฟิลด์ จากนั้นผมก็ถามเขาเรื่องชายสองคนในรถคันสีเหลืองที่ตามผม จ่ายิ้มแล้วบอกว่าสองคนนั้นเป็นตำรวจ สุดท้ายผมเล่าให้เขาฟังเรื่องการทะเลาะวิวาทต่อสู้กันที่ลาสคาบานัส
จ่าเมอร์ฟี่ฟังทุกเรื่อง เมื่อผมเล่าจบ เขามองดูผมเงียบๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง
"เอาละแซมมิวล์ ผมหวังว่าคุณคงบอกความจริงแก่ผม และบอกความจริงมาทั้งหมด ถ้าคุณโกหกผมอีก ผมจะทำให้แน่ใจว่าคุณต้องติดคุกหกเดือนเพราะการทะเลาะวิวาทกันที่ลาสคาบานัส คราวนี้คุณไปได้"
ผมลุกขึ้นยืน
"ขอบคุณครับ" ผมกล่าวพร้อมกับยิ้ม
"นั่งลง" เขากล่าว "และฟังนี่ คุณไปได้ แต่คุณต้องสัญญาที่จะบอกผมเรื่องใดก็ตามที่คุณพบความจริงเกี่ยวกับลาสคาบานัส และเรื่องที่เกี่ยวกับเบ็นนี่ กรีพ"
"ผมสัญญา" ผมกล่าวอย่างรวดเร็ว และลุกขึ้นยืน
"รอเดี๋ยว" จ่าเมอร์ฟี่กล่าว "ผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะบอกคุณ ผมกำลังจะโทรศัพท์ไปหาตำรวจนิวยอร์ค ผมกำลังจะขอให้เขาหาความจริงทุกอย่างเท่าที่พวกเขาจะหาได้เกี่ยวกับเฮเล็น การ์ฟิลด์ ถ้าตำรวจที่นิวยอร์คพบว่าคุณโกหกผมเรื่องเฮเล็น การ์ฟิลด์ คุณจะตกอยู่ในความลำบากอย่างแสนสาหัสเลยละ"
ผมบอกจ่าไม่ให้วิตกกังวล และกล่าวขอบคุณเขาเป็นอย่างมาก
ผมออกจากสถานีตำรวจ รู้สึกสบายใจมากเพราะจ่าเมอร์ฟี่ปล่อยผม ผมเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ถนนโกลเด้นเพื่อเอารถไครสเลอร์
บทที่สิบเจ็ด
การสนทนาทางโทรศัพท์
ผมขับไครสเลอร์กลับมาที่สำนักงานและเดินขึ้นบันไดไป
สำนักงานดูเหมือนเดิมไม่มีผิด ไม่มีจดหมายถึงผม ผมลงไปที่ร้านกาแฟและรับประทานมื้อเช้าที่ล่าช้าไปจากปกติ ขณะที่ผมดื่มกาแฟผมนึกถึงเรื่องบางอย่างที่เฮเล็น การ์ฟิลด์ บอกผมที่ลาสคาบานัสก่อนที่จะเกิดมีการต่อสู้กัน
ผมตัดสินใจตรวจสอบเรื่องหนึ่งในจำนวนนั้นโดยทันที และเดินไปที่โทรศัพท์ ผมเปิดสมุดโทรศัพท์และมองหาภายใต้หมวดอักษร 'เอ็ม' จนกระทั่งเจอหมายเลขโทรศัพท์ของมายเยอร์แอนด์มายเยอร์ ผมหยิบโทรศัพท์และหมุนหมายเลขนั้น
"มายเยอร์แอนด์มายเยอร์ อรุณสวัสดิ์ค่ะ" มีเสียงพูดขึ้นซึ่งผมจำเสียงได้ "มีอะไรให้ช่วยคะ?"
"สวัสดีซูซี่" ผมกล่าว "ผมเล็น แซมมิวล์ คุณจำผมได้ไหมครับ?"
"แน่นอน ฉันจำคุณได้ค่ะ" ซูซี่กล่าว
"เพื่อนชายคุณชกชนะในการแข่งขันออกโทรทัศน์หรือเปล่าครับ?" ผมถาม
"ไม่ค่ะ" ซูซี่ตอบ "และนอกจากนั้น เขาไม่ได้เป็นเพื่อนชายของฉันอีกต่อไปแล้ว"
"จริงๆ หรือครับ" ผมกล่าวอย่างมีความสุข ในใจกำลังคิดว่าบางทีจะชวนซูซี่ไปดื่มกับผมสักหน่อย
"ค่ะ" ซูซี่กล่าว "นักมวยนั่นทะเลาะวิวาทชกต่อยกับเพื่อนชายคนใหม่ของฉันที่หน้าบ้านฉันเมื่อคืนนี้"
"แล้วใครชนะครับ?" ผมถาม
"เพื่อนชายคนใหม่ของฉันค่ะ" ซูซี่ตอบ
"โอ้" ผมกล่าวอย่างเศร้าโศก "แล้วเพื่อนชายคนใหม่ของคุณทำงานอะไรครับ?"
"เพื่อนชายคนใหม่ของฉันเป็นนักยกน้ำหนักค่ะ" ซูซี่ตอบ "เขาเป็นนักกีฬาแข่งขันยกน้ำหนักรุ่นใหญ่"
ผมเกือบจะบอกลา แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมไม่ได้จะโทรศัพท์มาคุยกับซูซี่ ผมต้องการพูดกับเจ้านายของเธอ คุณมายเยอร์
"ผมขอพูดกับคุณมายเยอร์หน่อยได้ไหมครับ ซูซี่?" ผมถาม
"ได้ค่ะ" ซูซี่กล่าว "ฉันจะโอนสายคุณไปให้คุณมายเยอร์นะคะ สวัสดีค่ะ"
มีการพักสายชั่วขณะ แล้วผมก็ได้ยินเสียงคุณมายเยอร์
"สวัสดี มายเยอร์พูดครับ"
"สวัสดีครับคุณมายเยอร์" ผมพูดด้วยเสียงต่ำ ผมเอาผ้าเช็ดหน้าปิดไว้บนปากโทรศัพท์ ดังนั้นคุณมายเยอร์ก็จะจำเสียงผมไม่ได้
"นี่ตำรวจ" ผมกล่าว "จ่าเมอร์ฟี่พูด"
ผมแสร้งทำตัวเป็นจ่าเมอร์ฟี่ เพื่อให้คุณมายเยอร์ตอบคำถามผม
"สวัสดีครับ" คุณมายเยอร์กล่าว "คุณต้องการถามผมเรื่องอะไรครับ?"
"เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานให้คุณครับ" ผมกล่าว "เธอชื่ออีเลน การ์ฟิลด์ เธอหายไปและเรากำลังพยายามตามหาเธอ เฮเล็นพี่สาวของอีเลน มาหาคุณเมื่อวันอังคารที่แล้ว ไม่ใช่หรือครับ?"
"เปล่าครับ" คุณมายเยอร์กล่าว "พี่สาวของอีเลนไม่ได้มาหาผมเมื่อวันอังคารที่แล้ว ผมไม่ทราบว่าอีเลนมีพี่สาวจนกระทั่งนักสืบเอกชนคนหนึ่งบอกผม เขาบอกว่าพี่สาวของอีเลนชื่อเฮเล็น"
สายโทรศัพท์นั้นแย่มาก และผมได้ยินไม่ถนัดว่าคุณมายเยอร์กำลังพูดว่าอะไร
"คุณพูดว่าอะไรนะครับ?" ผมถาม
"ผมพูดว่าพี่สาวของอีเลนชื่อเฮเล็น" คุณมายเยอร์ตอบ "ชื่อคล้ายกันมาก ไม่ใช่หรือครับ?"
"ขอบคุณมากครับคุณมายเยอร์" ผมกล่าวแล้ววางโทรศัพท์ลง
คุณมายเยอร์พูดถูก ชื่อเฮเล็นและอีเลนนั้นคล้ายกันมาก อีเลน การ์ฟิลด์ หายไป และจนกระทั่งปัจจุบัน ผมเป็นคนเดียวที่ได้พบกับเฮเล็น การ์ฟิลด์
ผมออกจากร้านกาแฟและเดินกลับไปที่สำนักงานของผม ขณะที่ผมค่อยๆ ขึ้นบันไดไปนั้น ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ของผมดัง ผมไม่รีบ ผมเดินช้าๆ ไปตามโถงทางเดินแล้วเข้าไปในสำนักงานของผมแล้วรับโทรศัพท์
"นั่นแซมมิวล์ใช่ไหม?" มีเสียงพูดมา ผมจำเสียงได้ทันที มันคือโจ
"ใช่" ผมกล่าว "นี่เล็น แซมมิวล์"
"ฟังนะแซมมิวล์" โจกล่าว "พวกเราต้องการตัวอีเลน การ์ฟิลด์ และพวกเราคิดว่าแกรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเรากำลังมาพบแกที่สำนักงานของแก รอพวกเรานะ อย่าไปไหน"
"แต่ผม..." ผมเริ่มพูดขึ้น แต่ช้าไป โจวางโทรศัพท์ไปแล้ว
ผมนั่งลงที่โต๊ะด้วยความเศร้าใจ
'คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?' ผมนึกในใจ 'โจและเพื่อนของมันจะมาหาผม พวกมันจะถามผมว่ารู้ไหมว่าอีเลน การ์ฟิลด์ อยู่ที่ไหน แต่ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ผมสงสัยว่าพวกมันจะเชื่อผมหรือไม่เมื่อผมบอกพวกมัน'
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
"สวัสดี" ผมกล่าว
"สวัสดีแซมมิวล์" เสียงคุ้นๆ พูดมา
"สวัสดีครับจ่าเมอร์ฟี่" ผมตอบ พยายามทำเป็นยินดี
"พวกเราเพิ่งโทรศัพท์ไปนิวยอร์ค" จ่ากล่าวอย่างโมโห "และตำรวจนิวยอร์คช่วยเหลือได้มากเลย ตำรวจนิวยอร์คบอกพวกเราว่าไม่มีคนชื่อเฮเล็น การ์ฟิลด์ เฮเล็น การ์ฟิลด์ ไม่มีตัวตน ไม่มีใครที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์คมีชื่อว่าเฮเล็น การ์ฟิลด์ คุณโกหกตอนที่คุณบอกผมว่าคุณทำงานให้เฮเล็น การ์ฟิลด์"
"แต่..." ผมเริ่มพูดขึ้น
"ทีนี้ฟังนะ" จ่าขัดจังหวะขึ้น "ผมกำลังส่งรถตำรวจไปที่สำนักงานของคุณ ผมต้องการพบคุณ รอรถตำรวจนะ อย่าไปไหน"
จ่าวางโทรศัพท์ และผมเอนหลังพิงเก้าอี้ ผมวิตกกังวล จะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้? โจกำลังมาหาผม และตำรวจก็ด้วย ผมพยายามคิดว่าผมจะพูดอะไรกับพวกเขาดี ผมหวังว่าตำรวจและโจจะไม่มาถึงพร้อมกัน
บทที่สิบแปด
ผมเจออีเลน การ์ฟิลด์
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมกลัวที่จะรับโทรศัพท์ โทรศัพท์ยังดังต่อไป ท้ายที่สุดผมก็รับโทรศัพท์
"สวัสดี" ผมกล่าว
"นั่นคุณแซมมิวล์ใช่ไหมคะ?" มีเสียงถามมา เป็นเสียงเฮเล็น การ์ฟิลด์ "ใช่ครับ มิสการ์ฟิลด์ " ผมตอบ "นี่เล็น แซมมิวล์ กำลังพูด" "ฉันต้องพบคุณ" เฮเล็น การ์ฟิลด์ กล่าว
"ดีละ ผมอยากจะพูดกับคุณเหมือนกัน มิสการ์ฟิลด์" ผมกล่าวช้าๆ "ผมคิดว่ามีหลายเรื่องที่คุณกับผมจะต้องคุยกัน"
"ถูกแล้ว" หญิงสาวพูด "มาพบฉันที่ร้านกาแฟ 'เซเว่นท์แมนน์' ในห้านาทีนี้ คุณรู้หรือเปล่าว่าร้านกาแฟนั้นอยู่ตรงไหน? มันอยู่ห่างประมาณครึ่งไมล์จากสำนักงานของคุณ"
"ผมรู้จัก 'เซเว่นท์แมนน์' " ผมตอบ "แต่ผมไปพบคุณในห้านาทีไม่ได้ เพราะผมจะมีแขกมาพบ"
"คุณต้องมาทันที คุณแซมมิวล์" เธอกล่าว
"แต่..." ผมเริ่มพูดขึ้น
ช้าไปแล้ว เฮเล็น การ์ฟิลด์ วางโทรศัพท์ไปแล้ว ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปที่ประตู ผมตัดสินใจไปพบเฮเล็น การ์ฟิลด์ ทั้งโจและจ่าเมอร์ฟี่บอกผมไม่ให้ไปไหน แต่ผมตัดสินใจแล้ว ผมอยากจะคุยกับเฮเล็น การ์ฟิลด์ มากกว่าที่จะคุยกับตำรวจหรือกับโจ ถ้าโจและตำรวจมาตอนที่ผมออกไปแล้ว พวกเขาก็คุยกันเองได้
ผมออกจากอาคารและขับไครสเลอร์ไปตามถนน ผมโชคดีมากเพราะสามารถจอดรถไว้ตรงหน้า 'เซเว่นท์แมนน์' ได้เลย ผมเดินเข้าไปในร้านกาแฟ
เฮเล็น การ์ฟิลด์ กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมห้อง ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เธอ ผมสั่งกาแฟถ้วยหนึ่ง ผมดื่มกาแฟโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นผมวางถ้วยกาแฟลงและมองดูสาวสวยผมบลอนด์ที่นั่งข้างๆ ผม
"มิสการ์ฟิลด์" ผมกล่าว "คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แต่ผมคิดว่าคุณเป็นคนโกหก ผมคิดว่าทุกสิ่งที่คุณเคยพูดกับผมนั้นเป็นเรื่องโกหก ผมไม่คิดว่าคุณเคยบอกความจริงกับผม"
ใบหน้าของสาวผมบลอนด์กลายเป็นสีแดง เธอมองตรงมาที่ผม
"คุณแซมมิวล์" เธอกล่าว "ฉันจ้างคุณเป็นเงินจำนวนมากเพื่อให้ทำงานให้ฉัน ฉันขอให้คุณตามหาน้องสาวฉัน ฉันไม่ได้ขอให้คุณมาเรียกฉันว่าเป็นคนโกหก"
"เอาละมิสการ์ฟิลด์ ผมคิดว่าผมเจออีเลน การ์ฟิลด์ แล้ว คุณอยากจะให้ผมบอกคุณไหมว่าเธออยู่ที่ไหน?"
"ใช่" สาวผมบลอนด์กล่าว "อีเลนอยู่ที่ไหน?"
"เธออยู่ในร้านนี้" ผมกล่าว "อีเลน การ์ฟิลด์ กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่ คุณคืออีเลน การ์ฟิลด์ เฮเล็น การ์ฟิลด์ ไม่มีตัวตน คุณแสร้งทำตัวเป็นเฮเล็น การ์ฟิลด์ แต่ที่จริงมันไม่เคยมีบุคคลคนนั้นอยู่"
"ตำรวจที่นิวยอร์คบอกว่าเฮเล็น การ์ฟิลด์ ไม่มีตัวตน" ผมกล่าวต่อไป "เฮเล็น การ์ฟิลด์ และอีเลน การ์ฟิลด์ เป็นคนคนเดียวกัน คุณคืออีเลน การ์ฟิลด์ คุณแสร้งทำตัวเป็นเฮเล็น"
สาวผมบลอนด์ยืนขึ้นด้วยความโมโห
"คุณต้องการเงินเท่าไร คุณแซมมิวล์ คุณไม่ได้ทำงานให้ฉันอีกต่อไปแล้ว" เธอตะเบ็งเสียง
"นั่งลง" ผมพูดเบาๆ
สาวผมบลอนด์ไม่ได้นั่งลง ผมจึงดึงเธอลงนั่งข้างๆ ผม
"ทีนี้ฟังนะมิสการ์ฟิลด์" ผมกล่าวอย่างหนักแน่น "คุณจะต้องบอกผมทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณเอง และเหตุที่คุณมาหาผม ผมต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเบ็นนี่ กรีพ และลาสคาบานัส ผมต้องการรู้ว่าทำไมคุณจึงหายตัวไป"
"ฉันจะไม่บอกอะไรคุณ" เธอกล่าว
"โอ้ ต้องบอกสิ คุณจะต้องบอกผมทุกอย่าง" ผมตอบ "คุณจะต้องบอกผมทุกอย่าง หรือมิฉะนั้นผมจะพาคุณไปส่งตำรวจเลย รู้ไว้ด้วยว่าตำรวจกำลังตามหาผมอยู่ในตอนนี้"
"ตำรวจคิดว่าผมอาจจะเป็นคนฆ่าเบ็นนี่ กรีพ" ผมกล่าวต่อ "ตำรวจรู้ว่าผมมีเรื่องทะเลาะวิวาทต่อสู้กันที่ลาสคาบานัสเมื่อคืนนี้ ชายผมแดงและเพื่อนร่างสูงของเขาก็ไล่ตามผมอยู่ด้วย พวกมันเป็นชายสองคนที่เริ่มการทะเลาะวิวาทต่อสู้กันที่ลาสคาบานัส พวกมันจะพยายามฆ่าผมถ้าผมไม่บอกพวกมันว่าคุณอยู่ที่ไหน ฉะนั้นคุณจงรู้ไว้ มิสการ์ฟิลด์ ผมคิดว่าคุณควรจะบอกผมทุกอย่างดีกว่า ผมเป็นคนเดียวที่จะช่วยคุณได้"
สาวผมบลอนด์นั่งเงียบอยู่สักพักหนึ่ง แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้
"ได้ค่ะ" เธอกล่าว "ฉันจะบอกคุณทุกอย่าง ฉันคืออีเลน การ์ฟิลด์"
บทที่สิบเก้า
ไขปริศนาได้ทุกอย่างแล้ว
ผมมองดูสาวผมบลอนด์
"ฉะนั้นคุณก็ยอมรับว่าที่แท้คุณคืออีเลน การ์ฟิลด์ ไม่ใช่เฮเล็น" ผมพูดเบาๆ "คราวนี้บอกผมเรื่องเบ็นนี่ กรีพ"
หญิงสาวหายใจลึก
"ซูซี่ แกรห์ม กับฉันเคยไปเต้นรำกันหลายครั้ง" อีเลนกล่าว "เราไปที่ลาสคาบานัสกันบ่อยๆ คืนหนึ่งตอนที่เราอยู่ที่นั่นฉันเจอผู้ชายที่ดีมากชื่อเบ็นนี่ เบ็นนี่เป็นมือกลองในวงดนตรี ฉันชอบเขามากและไปที่ไนท์คลับบ่อยมากเพื่อเจอเบ็นนี่ เรากลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก"
หญิงสาวหยุดไปอีกและเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา
"เล่าต่อไปสิ" ผมพูดเบาๆ
"ฉันเคยไปที่ลาสคาบานัสเพื่อเจอเบ็นนี่เกือบจะทุกคืน แต่เป็นการยากสำหรับเราที่จะได้คุยกัน" หญิงสาวเล่าต่อ
"ทำไมจึงได้เป็นการยากสำหรับคุณและเบ็นนี่ที่จะได้คุยกัน?" ผมถาม
"เพราะเบ็นนี่เป็นคนตีกลองในวงดนตรีน่ะสิ เป็นธรรมดาอยู่แล้ว"
อีเลน การ์ฟิลด์ ตอบ "เราไม่อาจคุยกันได้มากนักเพราะเขาต้องเล่นดนตรีอยู่ในวงเกือบตลอดคืน"
"ผมเข้าใจ" ผมกล่าว แล้วสั่งกาแฟอีกสองถ้วย
"ดังนั้นฉันจึงใช้เวลามากมายในลาสคาบานัสเฝ้าดูเบ็นนี่ตีกลอง" หญิงสาวกล่าว "และก็เฝ้าดูอะไรอย่างอื่นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในไนท์คลับด้วย"
"แล้วคุณเห็นอะไร?" ผมถาม
"ทีแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตุเห็นอะไรที่ผิดปกติ" หญิงสาวตอบ "แต่หลังจากสองสามคืนผ่านไป ฉันสังเกตุว่ามีคนเดิมๆ บางคนมาที่คลับเป็นประจำ ในเวลาเดียวกัน"
"คนพวกไหน?" ผมถาม
"มีคนผมแดงคนหนึ่ง คนร่างสูงคนหนึ่งที่ไม่เคยถอดหมวกออกเลย และก็คนอื่นอีกคนสองคน" อีเลน การ์ฟิลด์ กล่าว
"ใช่" ผมกล่าว "ผมคิดว่าผมเคยเจอสองคน พวกเขาเป็นคนที่ทุบหัวผมในอาคารแมนสัน"
"นอกจากนั้นนะ" หญิงสาวเล่าต่อ "ในคืนหนึ่ง ฉันถามเบ็นนี่ว่าทำไมคนพวกนี้จึงมาที่คลับทุกคืน เบ็นนี่บอกไม่ให้ฉันถามอะไร คราวหลังฉันจึงเฝ้าดูชายพวกนี้อย่างระมัดระวังยิ่งขึ้นและสังเกตุเห็นว่าพวกเขามีกระเป๋ามาด้วยทุกที แต่ตอนที่พวกเขาออกไปเขาไม่ได้เอากระเป๋าเหล่านั้นไปด้วย"
"แล้วคุณทำอะไรต่อไป?" ผมถาม
"ฉันถามเบ็นนี่เรื่องคนพวกนี้อีก" เธอกล่าว "เบ็นนี่บอกว่ามีอะไรแปลกๆ หลายอย่างเกิดขึ้นที่ลาสคาบานัส และมันอันตรายที่จะถามเรื่องต่างๆ"
บริกรนำกาแฟมาให้ และอีเลนรอจนกระทั่งเขากลับไป
"คืนหนึ่ง" เธอเล่าต่อ "ชายคนหนึ่งในพวกนั้นนั่งที่โต้ะถัดจากฉัน เขากำลังคุยกับผู้ชายอีกสองสามคนและเขาเปิดกระเป๋าที่เขานำมา ฉันนั่งอยู่ใกล้มากและฉันมองเห็นในกระเป๋า กระเป๋ามีเพชรและเครื่องอัญมณีเต็มไปหมด"
"จริงหรือ?" ผมกล่าว แล้วดื่มกาแฟ
"ในเวลาต่อมาในค่ำวันนั้นเอง ฉันบอกเบ็นนี่เรื่องกระเป๋าที่ใส่เครื่องอัญมณี" อีเลนเล่าต่อ "เบ็นนี่ตื่นเต้นมากกับเรื่องนั้น"
"เขาบอกฉันว่าเขารู้มานานแล้วว่าพวกอาชญากรใช้ลาสคาบานัส พวกมันใช้คลับเป็นสถานที่ซื้อขายของที่ขโมยมา เบ็นนี่กับฉันคุยกันตลอดค่ำวันนั้นเรื่องกระเป๋าที่ใส่เครื่องอัญมณี เบ็นนี่บอกว่าเครื่องอัญมณีเหล่านั้นถูกขโมยมา พวกผู้ชายที่กำลังนำมันมาขายเป็นพวกอาชญากร และพวกมันขโมยเครื่องอัญมณีมา"
"ทีนี้" อีเลนเล่าต่อ "เบ็นนี่อยากขโมยกระเป๋านั่นสักใบหนึ่ง เขาบอกว่าเครื่องอัญมณีนั่นถูกขโมยมา ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญถ้าเราจะขโมยมันมาจากพวกอาชญากร ฉันตกลงช่วยเขา เราหวังว่าจะเอาไปขายและใช้เงินที่ได้มานั้นในการหลบหนีไปด้วยกัน.
"ผมเข้าใจละ" ผมกล่าว "แล้วคุณได้ช่วยเบ็นนี่ขโมยกระเป๋าที่ใส่เครื่องอัญมณีนั่นหรือเปล่า?"
"ค่ะ เรารออยู่เกือบหนึ่งสัปดาห์" อีเลนตอบ "แล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันก็มีโอกาสขโมยกระเป๋า ตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้วและคนก็ออกจากคลับกันไปเกือบหมด ฉันพบที่ที่พวกมันซ่อนกระเป๋าและสามารถขโมยมันมาได้ ฉันเอามันมาให้เบ็นนี่ เบ็นนี่มีกระเป๋าใบใหญ่ที่เขาใช้ใส่กลอง มันเป็นการง่ายสำหรับเขาที่จะซ่อนกระเป๋าที่ใส่เครื่องอัญมณีไว้ในกระเป๋าใส่กลอง เราออกมาจากคลับด้วยกันพร้อมด้วยกระเป๋าที่ใส่เครื่องอัญมณี เราตัดสินใจที่จะซ่อนเครื่องอัญมณีไว้ในห้องของฉันแล้วค่อยนำมาขายทีหลัง
"วันต่อมาเป็นวันจันทร์" อีเลนเล่าต่อ "และฉันไปทำงาน ในตอนบ่ายฉันได้รับโทรศัพท์จากเบ็นนี่ เบ็นนี่บอกว่าคนผมแดงรู้แล้วว่ากระเป๋าที่ใส่เครื่องอัญมณีถูกขโมย เขาโกรธมาก เบ็นนี่บอกให้ฉันหยุดงานแล้วกลับบ้าน เขาบอกให้ฉันอยู่บ้านเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาเอาเพชรพลอยไป เบ็นนี่จะไปทำงานที่ลาสคาบานัสต่อไป จะได้ไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นคนขโมยเพชรพลอยไป"
"แล้วคุณอยู่บ้านหรือเปล่า?" ผมถาม
"ค่ะ ฉันอยู่บ้านสามวัน" อีเลนตอบ "แต่ฉันกลัวว่าชายผมแดงจะหาที่อยู่ฉันเจอแล้วเขาก็จะมาเอากระเป๋าที่ใส่เครื่องอัญมณีไป"
"เช่นนั้นแล้วคุณทำอย่างไร?" ผมถาม
"นั่นไม่ยาก" เธอกล่าวพร้อมกับยิ้ม "ฉันย้ายไปพักที่โรงแรมที่อยู่กลางเมืองแล้วก็มาหาคุณ"
"แต่ทำไมคุณจึงมาหาผม?" ผมถาม
"เพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะปลอดภัย" อีเลนกล่าว "ฉันแสร้งทำตัวเป็นน้องสาวฉันและบอกว่าฉันหายไป ฉันขอให้คุณตามหาฉัน เช่นนั้นแล้วฉันก็รู้ว่าฉันจะปลอดภัย"
"เพราะเหตุใด?" ผมถาม
"เพราะคุณกำลังตามหาฉัน" อีเลนกล่าวต่อไป "ถ้าคนจากลาสคาบานัสเจอฉันหรือพาตัวฉันไป คุณก็จะรู้และติดตามไป"
"ขอบคุณมากที่คุณคิดว่าผมเป็นนักสืบที่ดี" ผมกล่าว "แต่ทำไมคุณจึงไม่บอกความจริงผม?"
"มันก็ง่ายๆ" อีเลนกล่าว "ฉันไม่ต้องการบอกคุณเรื่องเพชรพลอย"
บทที่ยี่สิบ
ฉันเสียใจค่ะ คุณแซมมิวล์
"เล่าเรื่องของคุณต่อไปซิ" ผมกล่าว
"เย็นนั้นที่ฉันมาพบคุณที่สำนักงานของคุณ" อีเลนกล่าว "ฉันโทรศัพท์หาเบ็นนี่ที่ลาสคาบานัส ฉันบอกเบ็นนี่เรื่องที่ฉันทำไป เบ็นนี่บอกว่าชายผมแดงรู้ว่าเขาเป็นคนขโมยเครื่องอัญมณี เบ็นนี่บอกฉันว่าจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าฉันเอาเพชรพลอยไปคืนที่ลาสคาบานัสในคืนถัดไป"
"คุณโง่ที่เชื่อใจชายผมแดง" ผมกล่าว
"ฉันรู้" หญิงสาวกล่าว "ฉันกลัว ฉันจึงขอให้คุณไปพบฉันที่ลาสคาบานัสตอนห้าทุ่มครึ่ง"
"งั้นคุณก็ไม่รู้ว่าเบ็นนี่ตายแล้วจนกระทั่งผมบอกคุณที่ลาสคาบานัส" ผมกล่าว
"ไม่รู้ค่ะ" อีเลนกล่าว "นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ฉันหนีออกมาก่อนเที่ยงคืน ฉันตัดสินใจไม่คืนเครื่องอัญมณีให้พวกมัน เพราะพวกมันฆ่าเบ็นนี่"
"งั้นคุณก็ยังคงครอบครองเพชรพลอยอยู่ใช่ไหม?" ผมถามด้วยความประหลาดใจ "มันอยู่ที่ไหน?"
"อยู่นี่" อีเลนกล่าว แล้วชี้ไปที่กระเป๋าถือใบเล็กๆ ที่อยู่ใต้โต๊ะ
ผมก้มลงใต้โต๊ะหยิบกระเป๋าถือขึ้นมาเปิดดู กระเป๋ามีเพชรและเครื่องอัญมณีเต็มไปหมด ทันใดผมก็ได้ยินเสียง และในเวลาเดียวกันอีเลนก็กรีดร้อง"
"เอามาให้ฉัน!" เสียงนั้นกล่าวขึ้น
ผมแหงนมองขึ้นฉับพลันและเห็นโจกำลังยืนอยู่ข้างๆ ผม สหายโย่งของเขายืนอยู่ตรงด้านหลังของเขา
"เอากระเป๋ามาให้ฉัน!" โจกล่าวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
"แกรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?" ผมถาม
"แกจอดรถไว้ตรงข้างนอกนั่นไง" โจกล่าวพร้อมกับหัวเราะ "ทีนี้เอากระเป๋ามาให้ฉัน"
"ผมส่งกระเป๋าไปให้เขา ขณะที่ผมส่งกระเป๋าให้ ผมลุกพรวดขึ้นชกหน้าโจเต็มเหนี่ยว เขาสะดุดล้มลงบนพื้นโครมใหญ่ ผมกรากเข้าไปหาชายร่างสูงซึ่งยังคงยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต ผมเกือบจะวิ่งเข้าใส่เขาอยู่แล้ว แต่ทันใดผมก็ต้องหยุด ชายร่างสูงหยิบปืนออกมาจากกระเป๋าและปืนก็ชี้ตรงมาที่ผม"
"เอาละ" ชายร่างสูงกล่าว "อย่าขยับ มิฉะนั้นฉันจะยิงแก"
โจลุกขึ้นจากพื้น เขายังคงถือกระเป๋าที่ใส่เครื่องอัญมณีอยู่ในมือ โจและเพื่อนของเขาพร้อมปืนในมือเดินไปที่ประตูด้วยกัน พวกเขาเดินถอยหลังเพื่อให้แน่ใจว่าอีเลนกับผมจะไม่พยายามแย่งกระเป๋ากลับคืน
ขณะที่ชายทั้งสองไปถึงประตู ผมเริ่มหัวเราะ
"แกหัวเราะอะไร?" ชายที่ถือปืนตะเบ็งเสียง
"ดูข้างหลังแกสิ" ผมกล่าว
ชายทั้งสองหันกลับไปมองข้างหลัง ตรงทางเข้าประตูร้านกาแฟ จ่าเมอร์ฟี่ยืนอยู่พร้อมกับตำรวจอีกสองนาย จ่าเมอร์ฟี่โดดเข้าใส่ชายที่ถือปืน และโจวิ่งกลับเข้ามาในร้านกาแฟ ผมก้าวไปข้างหน้าเพื่อสกัดโจ และเขาก็วิ่งตรงเข้ามาชนผม เราทั้งคู่ล้มลงบนพื้นและตำรวจสองนายวิ่งเข้ามา ตำรวจนายหนึ่งจับโจ อีกนายหนึ่งจับผม
"พวกนั้นเป็นอาชญากร" ผมตะโกน ชี้ไปที่โจและเพื่อนของเขา "ไม่ใช่ผม"
"คุณทุกคนต้องไปสถานีตำรวจ" จ่าเมอร์ฟี่กล่าวและมองไปที่อีเลน การ์ฟิลด์ "คุณก็ต้องไปด้วย"
มันใช้เวลานานในการเล่าเรื่องทั้งหมดให้จ่าเมอร์ฟี่ฟัง ในตอนท้ายเขาเชื่อสิ่งที่อีเลนกับผมบอกเขา จ่าเตือนผมไม่ให้โกหกเขาอีก และยอมปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ อีเลนบอกจ่าเมอร์ฟี่ทุกเรื่องที่เธอรู้เกี่ยวกับลาสคาบานัส จ่าพอใจมากที่จับโจและเพื่อนได้พร้อมทั้งเพชรพลอย จ่าเมอร์ฟี่ยอมปล่อยตัวอีเลนให้เป็นอิสระ เพราะเธอช่วยจับอาชญากร
ขณะที่เราออกจากสถานีตำรวจ ผมถามจ่าเมอร์ฟี่ว่าเขาหาเราเจอในร้านกาแฟ 'เซเว่นท์แมนน์' ได้อย่างไร
"มันเป็นโชคดีมากจริงๆ" จ่ากล่าว "พวกเราไปหาคุณที่สำนักงานของคุณแต่คุณไม่อยู่ ขณะที่เรากำลังกลับออกมาเราเห็นชายผมแดงกับเพื่อนของเขากำลังเข้าไป เราจึงรออยู่ และเมื่อพวกเขาออกมาเราก็ตามพวกเขามาที่ร้านกาแฟ"
"ขอบคุณมากค่ะจ่า" อีเลนกล่าว "และขอบคุณมากคุณแซมมิวล์"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ" ผมกล่าว "คุณกำลังจะจ่ายให้ผมวันละห้าสิบดอลล่านี่"
"ฉันเสียใจค่ะ คุณแซมมิวล์" อีเลนกล่าว "ฉันเกรงว่าฉันจะจ่ายให้คุณไม่ได้เสียแล้ว เนื่องจากตอนนี้ฉันได้มอบเพชรพลอยให้ตำรวจไปแล้ว ฉันไม่มีเงินเลยค่ะ"
ผมยิ้มและเข้าไปในไครสเลอร์สีเทาบุโรทั่งแล้วขับกลับไปที่สำนักงาน ผมไม่ได้กล่าวอำลา เมื่อผมมาถึงสำนักงานผมนั่งลงที่เก้าอี้ มันไม่สนุกเท่าไหร่ในการเป็นนักสืบเชลยศักดิ์ คุณจะถูกทุบหัว เกือบถูกฆ่า และถูกไล่ล่าโดยตำรวจ และคุณก็ไม่ใช่ว่าจะได้รับค่าจ้างไปเสียทุกครั้ง
- จบ -