The Signalman
(ฉบับดัดแปลงให้อ่านง่าย - elementary version ไม่ปรากฏชื่อผู้ดัดแปลง)
ผู้แต่ง: Charles Dickens
ผู้แปล: Kreangsak Thasit
อ่าน หรือ download ฉบับสองภาษา: ไทย , English (รูปแบบ pdf) ได้ที่
https://drive.google.com/file/d/0B48jqqkaDKCFeWNMUk5kSXZxcFk/view?usp=sharing&resourcekey=0-pvPV-NIU5Fi03_BNiV9mXQ
(เนื่องจากGoogle Drive เปลี่ยนระบบใหม่ ทำให้ link เปลี่ยนไป ผู้เข้าชมไม่สามารถเปิดเอกสารที่ลงไว้โดยใช้ link เดิมได้ ผมจึงได้ลง link ใหม่นี้ไว้)
บทที่หนึ่ง
การพบปะอันแปลกประหลาด
'สวัสดี'
เมื่อข้าพเจ้าเรียกพนักงานให้สัญญาณของการรถไฟ ข้าพเจ้าอยู่บนเนินเขาในบริเวณที่สูงกว่า แต่เขาไม่ได้มองขึ้นมา เขามองไปตามทางรถไฟที่ทอดไปยังอุโมงค์
'สวัสดี คนที่อยู่ข้างล่างนั่นน่ะ' ข้าพเจ้าเรียกอีกครั้ง
เมื่อนั้นเขาจึงมองขึ้นมาเห็นข้าพเจ้า
'ทางเดินอยู่ไหน?' ข้าพเจ้าถาม 'ผมจะลงไปพูดกับคุณได้อย่างไร?'
เขาไม่ได้ตอบข้าพเจ้า ทันใดนั้น รถไฟขบวนหนึ่งก็ออกมาจากอุโมงค์ พนักงานให้สัญญาณมีธงอยู่ในมือ และเขาให้สัญญาณธงเมื่อรถไฟวิ่งผ่าน ข้าพเจ้าถามหาทางเดินอีกครั้ง เขาชี้ธงไปที่เนินเขา และข้าพเจ้าก็เห็นทางเดินที่ลาดลงไป
'เอาละ ขอบคุณ' ข้าพเจ้าตะโกน
ข้าพเจ้าลงไปตามทางเดินอันเปียกแฉะ พนักงานให้สัญญาณรอข้าพเจ้าอยู่ที่เชิงเขา เขายืนอยู่ระหว่างรางรถไฟด้วยสีหน้าที่แสดงอาการแปลกประหลาดและกระวนกระวาย
บริเวณนี้เงียบสงัดและห่างไกลผู้คน กำแพงสูงบดบังท้องฟ้าไปเยอะ จึงไม่มีแสงแดดมากนัก และมันก็มืด ข้าพเจ้ามองไปตามเส้นทาง และเห็นแสงไฟสีแดงอยู่หน้าทางเข้าอุโมงค์อันดำมิด ข้าพเจ้าขึ้นไปหาพนักงานให้สัญญาณ แต่เขาเคลื่อนตัวออกไปจากข้าพเจ้า เขามองข้าพเจ้าอย่างแปลกประหลาด
'บริเวณนี้มันเปลี่ยวมาก' ข้าพเจ้ากล่าว 'คุณคงไม่มีใครมาหามากเท่าไหร่ ผมรบกวนคุณหรือเปล่า?'
เขาไม่ได้ตอบ แต่มองไปยังแสงไฟสีแดงใกล้อุโมงค์
'คุณเฝ้ามองแสงไฟสีแดงนั่นทำไมหรือครับ?' ข้าพเจ้าถาม 'มันเป็นส่วนหนึ่งของงานหรือครับ?'
เขาตอบด้วยเสียงเบาว่า 'คุณไม่ทราบว่ามันเป็นงานของผมหรือครับ?'
ทันใดนั้น ข้าพเจ้าก็เกิดความคิดอันน่าสยองขวัญว่าเขาคงเป็นผี ไม่ใช่คน ข้าพเจ้าจึงผงะออกไป แต่ในตอนนั้นข้าพเจ้าก็เห็นแววแห่งความหวาดกลัวในตาของเขา
'คุณกลัวผมหรือครับ?' ข้าพเจ้าถาม
'ผมกำลังคิดว่า บางทีผมจะเคยเห็นคุณมาก่อน
'ที่ไหน?'
เขาชี้ไปที่แสงไฟสีแดง 'ที่นั่น'
'ทำไมจึงคิดเช่นนั้น? ผมไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน'
'ไม่ บางทีคุณคงไม่เคยไป'
ครั้นแล้วเขาก็เริ่มผ่อนคลาย เขาพาข้าพเจ้าไปที่ป้อมสัญญาณของเขา
'คุณมีงานที่ต้องทำที่นี่มากไหมครับ?' ข้าพเจ้าถาม
'ไม่ครับ ไม่มาก แต่ผมต้องใส่ใจ และระมัดระวังมาก' เขาตอบ
'คุณมีหน้าที่อะไรหรือครับ?'
'ผมคอยสับสัญญาณ โยกประแจรางพวกนี้ และตรวจตราดูว่าแสงไฟสัญญาณสีแดงนั้นใช้การได้' เขาอธิบาย
'คุณรู้สึกเงียบเหงาหรือเปล่าครับ?' ข้าพเจ้าถาม
'ไม่ครับ ผมเคยชินกับมันแล้ว'
'คุณไม่เคยออกไปกลางแดดเลยหรือครับ?'
'บางทีผมก็ออกไปครับ ตอนที่อากาศดี แต่ผมจะต้องคอยฟังเสียงกระดิ่งไฟฟ้าและเฝ้าดูแสงไฟสีแดงอยู่เสมอ'
ข้าพเจ้ามองไปรอบๆ ป้อมสัญญาณของเขา มันมีเตาผิง โต๊ะ เครื่องโทรเลขสำหรับรับส่งข่าวสาร และกระดิ่งไฟฟ้าอันเล็กๆ
'ตอนที่ผมยังหนุ่ม ผมศึกษาวิทยาศาสตร์' เขาบอกข้าพเจ้า
กระดิ่งดังขึ้นฉับพลัน เขารับข่าวสาร และส่งตอบ จากนั้นเขาไปให้สัญญาณธงเมื่อรถไฟขบวนหนึ่งวิ่งผ่าน เขาทำทุกอย่างด้วยความถูกต้องแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง ในระหว่างที่เราสนทนากัน เขาเปิดประตูออกไปดูแสงไฟสีแดงสองครั้ง เขากลับมาที่เตาผิงด้วยสีหน้ากังวล ข้าพเจ้าอยากทราบสาเหตุจึงถามออกไปว่า 'คุณเป็นคนที่มีความสุขไหมครับ?'
'เมื่อก่อนนี้ผมมีความสุข' เขาตอบ 'แต่ตอนนี้ผมวิตกกังวลครับ'
'ทำไมล่ะครับ มีปัญหาอะไรหรือ?'
'มันพูดยากครับ ถ้าคุณมาอีก ผมจะพยายามเล่าให้ฟัง' เขากล่าว
'จะให้ผมมาอีกตอนไหนครับ?'
'ผมจะอยู่ที่นี่อีกทีก็ตอนสี่ทุ่มคืนพรุ่งนี้ครับ'
'ถ้างั้นผมจะมาตอนห้าทุ่มนะครับ' ข้าพเจ้าบอก
ข้างนอกมืดแล้ว เขาจึงใช้โคมไฟส่องให้ข้าพเจ้าเห็นทางเดิน
'โปรดอย่าร้องเรียกว่า "สวัสดี" อีกนะครับ' เขากล่าว
'ครับ'
'และอย่าร้องเรียกเมื่อคุณมาคืนพรุ่งนี้ ทำไมคืนนี้คุณจึงร้องว่า "สวัสดี คนที่อยู่ข้างล่างนั่นน่ะ" ล่ะครับ?' เขาถาม
'ผมไม่ทราบ ผมกล่าวคำนั้นเลยหรือครับ?'
'ครับ ผมรู้จักคำนั้นดีมากเลยละ'
'ผมคิดว่าผมกล่าวคำนั้นเพราะผมเห็นคุณอยู่ข้างล่าง' ผมกล่าว
'เป็นเหตุผลเพียงเท่านั้นหรือครับ?'
'ครับ แน่นอน ทำไมหรือครับ?'
'คุณไม่คิดว่ามีเหตุผลทางด้านสิ่งเหนือธรรมชาติใดๆ หรือครับ?' เขาถาม
'ไม่ครับ'
จากนั้นเรากล่าวราตรีสวัสดิ์ และข้าพเจ้าก็กลับไปที่โรงแรม
บทที่สอง
อันตราย
ข้าพเจ้ามาถึงเมื่อเวลาห้าทุ่มในคืนถัดมา พนักงานให้สัญญาณรอข้าพเจ้าอยู่พร้อมด้วยโคมไฟ 'เห็นไหมครับ ผมไม่ได้ร้องเรียก' ข้าพเจ้ากล่าวพร้อมกับยิ้ม เราเดินไปยังป้อมสัญญาณ และนั่งลงใกล้เตาผิง
'ผมตัดสินใจที่จะบอกคุณว่าอะไรที่รบกวนผม' เขาเริ่มกล่าวด้วยเสียงแผ่ว 'เมื่อเย็นวานนี้ผมเข้าใจว่าคุณเป็นคนอื่น'
'เป็นใคร?' ข้าพเจ้าถาม
'ผมไม่ทราบ'
'เขาเหมือนผมหรือครับ?'
'ผมไม่เคยเห็นหน้าเขา เพราะเขาใช้แขนซ้ายบังหน้าไว้ตลอดเวลา เขาโบกแขนขวา - แบบนี้' และเขาก็โบกแขนแรงๆ เหมือนกับบางคนที่พยายามจะบอกว่า 'โปรดออกไปให้พ้นทาง!'
'คืนหนึ่ง' พนักงานให้สัญญาณกล่าวต่อไป 'พระจันทร์ส่องสว่าง และผมนั่งอยู่ที่นี่ ทันใดนั้นผมได้ยินเสียง - "สวัสดี คนที่อยู่ข้างล่างนั่นน่ะ" ผมไปที่ประตู และมองออกไป มีคนอยู่ข้างๆ ไฟสีแดงใกล้ๆ กับอุโมงค์ และเขากำลังโบกแขน "ระวัง! ระวัง!" เขาตะโกน และตะโกนอีกว่า "สวัสดี คนที่อยู่ข้างล่างนั่นน่ะ! ระวัง!" ผมหยิบโคมไฟ และวิ่งออกไปหาเขา "มีอะไรครับ? เกิดอะไรขึ้น?" ผมร้องถาม ผมสงสัยว่าทำไมเขาจึงเอาแขนบังตาไว้ เมื่อผมเข้าไปใกล้ ผมยื่นมือออกไปจะดึงแขนเขาออก - แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น'
'เขาเข้าไปในอุโมงค์หรือเปล่า?' ข้าพเจ้าถาม
'ไม่ครับ ผมวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ ผมหยุดและส่องโคมไฟไปรอบๆ แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ผมกลัว ผมจึงวิ่งออกมาโดยเร็ว และมาที่ป้อมของผม ผมส่งข้อความโทรเลข - "ได้รับสัญญาณเตือนภัย มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?" มีคำตอบกลับมาว่า: "ทุกอย่างปกติดี"'
ข้าพเจ้ากล่าวว่าคนผู้นั้นอาจจะเป็นภาพหลอน
'รอเดี๋ยวสิครับ' พนักงานให้สัญญาณกล่าว แตะแขนของข้าพเจ้า 'หกชั่วโมงต่อมามีอุบัติเหตุสยองเกิดขึ้นบนเส้นทาง พวกเขานำผู้คนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากออกมาจากอุโมงค์'
'แต่มันเป็นเพียงเหตุการณ์บังเอิญ' ข้าพเจ้ากล่าว 'เหตุการณ์บังเอิญที่แปลกประหลาดมาก'
'ขออภัย แต่ผมยังเล่าไม่จบครับ'
'ขอโทษครับ' ผมตอบ
'เหตุการณ์้นี้เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีมาแล้ว หกหรือเจ็ดเดือนผ่านไปผมหายจากอาการตกใจสุดขีดนั่น แล้วเช้าวันหนึ่งตอนพระอาทิตย์ขึ้น ผมเห็นผีอีก'
'มันตะโกนเรียกหรือเปล่า?' ข้าพเจ้าถาม
'เปล่า มันนิ่งเงียบ'
'มันโบกแขนหรือเปล่า?'
'เปล่า มันเอามือสองข้างปิดหน้าไว้ - อย่างนี้' เขาปิดหน้าไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
'คุณขึ้นไปหามันหรือเปล่า?'
'เปล่า ผมเข้ามาข้างในและนั่งลง กลัวมาก' เขากล่าว 'เมื่อผมกลับไปที่ประตู ผีก็ไปแล้ว'
'และหลังจากนั้นล่ะ? คราวนี้มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า' ข้าพเจ้าถามอีก
'ครับ วันนั้น รถไฟออกมาจากอุโมงค์ และผมเห็นในหน้าต่างตู้โดยสาร คนหลายคนยืนขึ้น ดูท่าทางปั่นป่วน ผมให้สัญญาณคนขับให้หยุด เมื่อรถไฟหยุด ผมวิ่งไปหาและได้ยินเสียงกรีดร้องน่ากลัว สุภาพสตรีสาวสวยผู้หนึ่งเสียชีวิตในตู้โดยสารตู้หนึ่ง พวกเขานำเธอมาที่นี่และวางเธอลงบนพื้นตรงที่อยู่ระหว่างเราสองคนนี่แหละ'
ข้าพเจ้าดันเก้าอี้ถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
'จริงๆ นะครับ มันเกิดขึ้นเช่นนั้นจริงๆ คราวนี้ฟังนะครับ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมจึงวิตกกังวล ผีกลับมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผมเห็นมันอีกสองหรือสามครั้ง'
'มันอยู่ที่แสงไฟสัญญาณสีแดงเสมอเลยหรือครับ?' ข้าพเจ้าถาม
'ใช่ครับ แสงไฟสัญญาณเตือนอันตราย'
'มันทำอะไรครับ?'
'มันโบกแขน - แบบนี้' เขาตอบ เขาทำกริยาท่าทางซ้ำอีก ท่าทางอันแสดงถึงถ้อยคำที่ว่า "โปรดออกไปให้พ้นทาง!" แล้วเขาก็เล่าต่อ 'ผมไม่ได้มีความสงบ ไม่ได้พักผ่อนเลย มันเรียกผมหลายครั้ง - "สวัสดี! คนที่อยู่ข้างล่างนั่นน่ะ! ระวัง!" และมันก็สั่นกระดิ่งของผม'
'มันสั่นกระดิ่งของคุณหรือเปล่าเมื่อวานนี้ตอนที่ผมอยู่ที่นี่?' ข้าพเจ้าถามเขา
'สองครั้ง' เขาตอบ
'โอ มันเป็นจินตนาการของคุณ ผมได้มองดูที่กระดิ่ง และคอยฟังมัน แต่มันดังเฉพาะตอนที่สถานีเรียกคุณ'
พนักงานให้สัญญาณสั่นศีรษะ 'ไม่ใช่ เสียงกระดิ่งของผีนั้นต่างออกไป คุณไม่เห็นหรือได้ยินมัน - แต่ผมได้ยิน'
'และผีอยู่ที่นั่นหรือเปล่าตอนที่คุณออกไปดู?'
'ครับ สองครั้ง'
'คุณมาที่ประตูกับผมแล้วมองหามันตอนนี้ได้ไหม?'
เขามาที่ประตู แล้วเปิดประตู
'คุณเห็นมันไหม?' ข้าพเจ้าถาม
'ไม่ มันไม่อยู่'
'ถูกแล้ว' ข้าพเจ้ากล่าว
เราเข้ามาข้างใน ปิดประตู และนั่งลง ตอนนี้ข้าพเจ้าแน่ใจว่าผีนั้นไม่มี
'ผมคิดว่าคุณเข้าใจ' เขากล่าว 'ว่าผมถูกรบกวนโดยคำถามข้อหนึ่งที่ว่า: ผีมีเจตนาอะไร?'
'ไม่ ผมไม่เข้าใจคุณ'
'ผีจะเตือนผมเกี่ยวกับอะไร? อันตรายนั้นคืออะไร? มันอยู่ที่ไหน? วินาศภัยสยองบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น แต่ผมจะทำอะไรได้? ผมไม่อาจส่งข้อความโทรเลขไปให้ทางสถานีได้ ผมจะกล่าวว่าอะไรล่ะ? ข้อความ: "อันตราย! โปรดระวัง!" คำตอบ: "อันตรายอะไร? ที่ไหน?" ข้อความ: "ไม่ทราบ แต่โปรดระวัง" พวกเขาจะคิดว่าผมบ้า'
พนักงานให้สัญญาณที่น่าสงสารดูท่าทางวิตกกังวลมาก เขาใช้นิ้วเสยผมสีดำของเขา แล้วนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าและมือ
'ทำไมผีไม่บอกผมว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นที่ไหน? ทำไมมันไม่บอกผมว่าผมจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมมันจึงไม่พูดว่าสุภาพสตรีสาวสวยคนนั้นอยู่ในอันตราย? พระเจ้า ผมเป็นเพียงพนักงานให้สัญญาณผู้น่าสงสาร ทำไมจึงเป็นผม'
ข้าพเจ้าพยายามทำให้เขาสงบลง บอกว่าเขาต้องทำงานนี้ได้ดี อย่างถูกต้องเท่าที่จะเป็นไปได้ - และนั่นคือทุกสิ่ง เขาสงบลงหลังจากนั้นสักพัก และข้าพเจ้าเสนอตัวที่จะอยู่กับเขาคืนนั้น
'ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร ขอบคุณ' เขากล่าว 'ขอให้กลับมาหลังพระอาทิตย์ตกหนึ่งชั่วโมงวันพรุ่งนี้นะครับ'
ข้าพเจ้าจากเขามาเมื่อเวลาสองนาฬิกาในตอนเช้า ในห้องของข้าพเจ้าที่โรงแรม ข้าพเจ้าขบคิดเกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องทำ พนักงานให้สัญญาณเป็นคนเฉลียวฉลาด ระมัดระวัง และทำงานได้อย่างถูกต้อง แต่สถานการณ์นี้รบกวนเขาเป็นอย่างมาก แล้วเขาจะทำงานให้ดีต่อไปได้อย่างไร? ดังนั้นข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะพาเขาไปพบแพทย์ที่ดีที่สุดในเมือง
ในตอนเย็นวันต่อมา ข้าพเจ้ารีบออกไปก่อนเวลา มันใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกแล้วเมื่อตอนที่ข้าพเจ้าไปถึงทางเดินที่อยู่เหนือทางรถไฟ ข้าพเจ้ามีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนที่พนักงานให้สัญญาณจะมา ดังนั้นข้าพเจ้าจึงตัดสินใจว่าจะไปเดินเล่น แต่เมื่อข้าพเจ้ามองลงไปที่ทางรถไฟ ข้าพเจ้าเห็นชายผู้หนึ่งที่อุโมงค์ เขาเอาแขนข้างซ้ายไว้ข้างหน้าดวงตาของเขา และเขาโบกแขนอย่างแรง
ข้าพเจ้าไม่อาจบรรยายถึงความหวาดกลัวของข้าพเจ้าได้ แต่ก็หายกลัวเมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าชายผู้นั้นไม่ใช่ผี เขาเป็นคนจริงๆ และมีคนอื่นๆ อีกอยู่ไม่ห่างจากเขา ไฟสัญญาณสีแดงไม่ส่องแสง ใกล้ๆ นั้นมีวัตถุเล็กๆ คล้ายที่นอนมีผ้าคลุมอยู่ ข้าพเจ้าวิ่งลงไปตามทางเดินเร็วมาก
'อะไรกันครับนี่?' ข้าพเจ้าถามชายเหล่านั้น
พนักงานให้สัญญาณเสียชีวิตแล้วครับ ชายผู้หนึ่งตอบ
'อะไรนะ? ชายผู้นั้น ที่ผมรู้จักน่ะหรือ?'
'ถ้าคุณรู้จักเขา คุณคงจำเขาได้' และชายผู้นั้นก็ดึงผ้าคลุมออก
'โอ นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?' ข้าพเจ้าร้อง เมื่อจำพนักงานให้สัญญาณที่เสียชีวิตนั้นได้
ชายที่อยู่ตรงอุโมงค์ก้าวออกมาพูดว่า 'รถไฟชนเขาล้มลงและทำให้เขาเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ มันเพิ่งจะสว่าง รถไฟออกมาจากอุโมงค์ และเขายืนถือโคมไฟอยู่ใกล้ทาง หันหลังให้รถไฟ แสดงให้คุณสุภาพบุรุษท่านนี้ดูสิ ทอม'
'ผมเป็นพนักงานขับรถไฟครับ' ทอมกล่าว 'ผมเห็นพนักงานให้สัญญาณเมื่อผมมาใกล้จะถึงปลายอุโมงค์ มันไม่มีเวลาที่จะลดความเร็วลง เขาไม่ได้ยินเสียงหวูดของผม ดังนั้นผมจึงตะโกนดังมาก'
'คุณตะโกนว่าอะไร?'
'ผมตะโกนว่า "สวัสดี! คนที่อยู่ข้างล่างนั่นน่ะ! ระวัง! ระวัง! โปรดออกไปให้พ้นทาง!" ผมเรียกเขาอยู่หลายครั้ง และผมเอาแขนข้างนี้บังตาผมไว้ เพราะผมไม่อยากเห็น และผมโบกแขนข้างนี้ - แบบนี้ - แต่มันสายไปเสียแล้ว...'
- จบ -